ยิ่งใหญ่อลังการ งานแสดงไฟแสงสีเสียง โบสถ์เก่าแก่อายุกว่า 105 ปี พร้อมการแสดงอัตลักษณ์ วิถีประเพณีของชุมชนชาวสุรินทร์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อคืนวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2567 ที่ผ่านมา  ที่วัดปทุมธรรมชาติ บ้านแกใหญ่ ตำบลแกใหญ่ อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ ได้จัดแสดงไฟแสงสีเสียง ตำนานโบสถ์เก่าที่มีอายุกว่า 105 ปี ซึ่งมีองค์การแสดง มากกว่า 10 องค์ การแสดงตำนานอัตลักษณ์วิถีประเพณีของชาวชุมชน โดยมี นายประภาส ศรีจันทร์เวียง รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ เป็นประธานในการเปิดงาน โดยมีการจุดพลุภายในงานกว่า 105 นัด ตามอายุของโบสถ์ ซึ่งประชาชนและชาวนักท่องเที่ยวต่างให้ความสนใจไปเที่ยวชมเป็นอย่างมาก ซึ่งบริเวณชุมชนบ้านแกใหญ่เป็นแหล่งโบราณคดีที่น่าสนใจ ซึ่งมีประวัติอันยาวนาน และการออกแบบทางสถาปัตยกรรมอันงดงาม โดยโบสถ์แห่งนี้มอบประสบการณ์ และความประทับใจอันน่าหลงใหลให้กับทุกคนที่มาเยี่ยมชมเป็นอย่างมาก

ซึ่งแต่ละองค์การแสดง จะมีการเชื่อมต่อสมัยโบราณ แม้กระทั่งการรักษาโรค โดยนำการนับถือผีสางเข้ามาช่วย การรำอัปสรา วิถีของชาวชุมชน วิถีการแสดงของชาวพุทธ และการร่ายรำของชาวชุมชนในอดีตกาล และการแสดงอีกมากมายซึ่งเป็นวิถีอัตลักษณ์วัฒนธรรมของชาวสุรินทร์

 

 

 

 

 

ซึ่งชาวชุมชนมีความเชื่อว่า ถ้าใครได้ลอดเข้าไปในโบสถ์แล้วขอพร ซึ่งบนหลังคาโบสถ์มีไม้แกะสลักโบราณเทพพนมอยู่ทางทิศตะวันออกและราหูอมจันทร์อยู่ทางทิศตะวันตก จะช่วยแก้อาถรรพ์ เสริมบารมี ขอพรด้านโชคลาภ หน้าที่การงาน จะมีความสำเร็จ ซึ่งหลายคนต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวว่าศักดิ์สิทธิ์จริง และเคยมีชาวบ้านหลายคนเคยเห็นแสงพุ่งออกมาจากโบสถ์หลังนี้ และมีคนเห็นคนโบราณอยู่เต็มบริเวณลานโบสถ์

สำหรับโบสถ์แห่งนี้ เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า”สิม”ในศัพท์ทางพุทธศาสนา สร้างขึ้นภายใต้การนำของพระครูธรรมรัตน์พิมล ซึ่งเป็นอดีตเจ้าอาวาสซึ่งอาศัยอยู่ที่บ้านแกใหญ่ และโบสถ์แห่งนี้เป็นสิ่งมหัศจรรย์ทางสถาปัตยกรรมท้องถิ่นแห่งนี้ สร้างจากไม้ทั้งหมดมีขนาดกว้าง 5 ช่วงเสากว้าง 7.25 เมตรยาว 10.60 เมตร หลังคาหน้าจั่ว 2 ชั้นประดับด้วยงานแกะสลักอย่างประณีตของโหง่ ลำยอง นาคสะดุ้ง และหางหงส์ไม้ซึ่งเพิ่มความยิ่งใหญ่หลังคาทรงปั้นปกคลุมทั้ง 4 ด้าน อย่างหรูหราในขณะที่หน้าต่างและประตูที่ออกแบบด้วยแผ่นไม้ลักษณะคล้ายกับบ้านทั่วไป อุโบสถตั้งตระหง่านบนพื้น มีเสาไม้สี่เหลี่ยม 24 ต้นรองรับ

 

 

 

 

 

เมื่อเข้าไปในอุโบสถจะต้องไม่พลาดชมหน้าจั่วแกะสลักอย่างวิจิตร ทางด้านทิศตะวันออกรูปเทพพนมท่ามกลางลวดลายดอกไม้อันงดงามตระการตา ด้านทิศตะวันตก จัดแสดงลวดลายราหูอมจันทร์ท่ามกลางดอกไม้ที่แกะสลักอย่างละเอียดอ่อน นอกจากนี้งานแกะสลักเชิงศิลปะเหล่านี้ยังขยายไปถึงชายคาทั้งสองชั้นของหลังคา ซึ่งเป็นความใส่ใจรายละเอียดและงานฝีมือทางศิลปะที่จัดแสดงทั่วทั้งห้องสวดมนต์ นอกจากงานก่อสร้างที่หน้าประทับใจและน่าอัศจรรย์นั้น การแกะสลักอันวิจิตรบรรจงแล้ว โบสถ์วัดปทุมธรรมชาติ ยังมีคุณค่าทางวัฒนธรรมประวัติศาสตร์ที่สำคัญอีกด้วย เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2562 กรมศิลปากรประกาศและจดทะเบียนในราชกิจจานุเบกขา การประกาศนี้จัดทำขึ้นในปี พ.ศ 2545 ตระหนักถึงขอบเขตที่ดินโบราณ และเสริมสร้างความสําคัญของโบสถ์น้อย ในฐานะแหล่งทางโบราณคดี

 

 

ซึ่งโบสถ์วัดปทุมธรรมชาติ มีเนื้อที่ประมาณ 4 ไร่ 46 ตารางวาถือเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงมรดกอันล้ำค่า และมรดกทางสถาปัตยกรรมของภูมิภาค การอนุรักษ์ตลอดหลายปีที่ผ่านมาบ่งบอกถึงความทุ่มเทและมุ่งมั่นของผู้ที่ตระหนักและทะนุถนอมคุณค่าของโบสถ์โบราณแห่งนี้ การเยี่ยมชมโบสถ์วัดปทุมธรรมชาติ ไม่เพียงแต่จะทำให้คุณได้สัมผัสถึงอดีตและความขลังความศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น แต่ยังเป็นโอกาสในการดื่มด่ำความงดงามและความเงียบสงบของพื้นที่อันศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้อีกด้วย ความเงียบสงบและความสงบสุขที่แผ่ซ่านไปทั่วบริเวณ ช่วยผ่อนคลายจากโลกภายนอกที่จอแจ ทำให้ผู้คนเยี่ยมชมได้สัมผัสถึงความศักดิ์สิทธิ์ภายในโบสถ์ นอกจากความสำคัญของโบสถ์ และความงดงามของโบสถ์หลังนี้ วัดประทุมธรรมชาติยังช่วยเพิ่มเสน่ห์ให้กับประสบการณ์โดยรวมอีกชั้นหนึ่ง โดยทำหน้าที่เป็นประตูสู่อดีตโดยให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับหลักปฏิบัติทางศาสนาและวัฒนธรรมในยุคนั้น ช่วยเพิ่มความลึกลับให้กับการเล่าเรื่องของสถานที่อันน่าทึ่งแห่งนี้อีกด้วย

 

 

โดยโบสถ์แห่งนี้ เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าไปเยี่ยมชมได้ทุกวันไม่มีวันหยุด จะมีเจ้าหน้าที่คอยให้ข้อมูล และเล่าเรื่องราวความงดงาม ความศักดิ์สิทธิ์ของโบสถ์หลังนี้ให้ได้รับทราบอีกด้วย.

 

 

 

 

ทีมข่าวภูมิภาค จ.สุรินทร์ รายงาน