HD_web_ข่าวเด่นทั่วไทย-03-removebackground

ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) สกัดจับแก๊งลักลอบขนแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย พบซุกต่างด้าวนั่งอัดในกระบะตู้ทึบกว่า 19 ราย

กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.คงกฤช เลิศสิทธิกุล ผบก.ทล., พ.ต.อ.ชาคริต มงคลศรี รอง ผบก.ทล., พ.ต.อ.แมน แม่นแย้ม รอง ผบก.ทล., พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น รอง ผบก.ป. ปฏิบัติราชการ บก.ทล., พ.ต.อ.ชนกฤดิ พงษ์ศิริ ผกก.7 บก.ทล.,
พ.ต.ท.ธรรมศักดิ์ พลเดช รอง ผกก.7 บก.ทล. และ พ.ต.ท.ฐิติวัสส์ แซมเขียว รอง ผกก.7 บก.ทล.
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ต.ปิยบุตร มีแป้น สว.ส.ทล.4 กก.7 บก.ทล., ร.ต.อ.นิติวัชร์ ช่วยแท่น รอง สว.ส.ทล.4 กก.7 บก.ทล. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ รวม 10 นาย
ร่วมกันจับกุม
1.นายทรงพลฯ อายุ 44 ปี
2.นางอภัสราฯ อายุ 41 ปี
3.นายประสิทธิ์ฯ อายุ 58 ปี
4.นายโจสิทธิ์ฯ อายุ 33 ปี
ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “รู้ว่าคนต่างด้าวคนใดเข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนกฎหมาย ให้เข้าพักอาศัย ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใดๆ เพื่อให้คนต่างด้าวนั้นพ้นจากการจับกุม”
5.บุคคลต่างด้าวสัญชาติเมียนมา รวมจำนวน 19 ราย เป็นชาย 12 ราย เป็นหญิง 7 ราย ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “เป็นคนต่างด้าวหลบหนีเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต”
พร้อมตรวจยึดของกลาง
1.รถยนต์นั่งส่วนบุคคล ยี่ห้อ TOYOTA รุ่น Fortuner สีขาว จำนวน 1 คัน
2.รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล ยี่ห้อ TOYOTA รุ่น HILUX REVO สีขาว จำนวน 1 คัน
3.โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อ Infinix X6512 จำนวน 1 เครื่อง
4.โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อ Samsung A54 5G จำนวน 1 เครื่อง
5.โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อ OPPO A78 5G จำนวน 1 เครื่อง
6.กุญแจรถยนต์ของกลางรายการที่ 1 และ 2 รวมจำนวน 2 ดอก
สถานที่จับกุม ทล.41 กม.320 (ขาล่อง) ต.สามตำบล อ.จุฬาภรณ์ จ.นครศรีธรรมราช

พฤติการณ์ สืบเนื่องจาก กก.7 บก.ทล. ได้มีการสั่งการให้มีการสืบสวนถึงเส้นทางที่มีการลักลอบขนคนต่างด้าวผิดกฎหมายเข้ามาในพื้นที่ จึงได้มีการบูรณาการร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ชุดเฉพาะกิจปราบปราม
การกระทำความผิดเกี่ยวกับรถยนต์ รถจักรยานยนต์ บช.ก. สืบสวนในพื้นที่รับผิดชอบ จนกระทั่งตามวันเวลาที่จับกุม ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ชุดเฉพาะกิจปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับรถยนต์ รถจักรยานยนต์ บช.ก. ว่าจะมีการลักลอบขนย้ายคนต่างด้าวผิดกฎหมายผ่านมาในพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช ชุดจับกุมจึงได้ออกตรวจในเขตพื้นที่รับผิดชอบ พบ รถยนต์ของกลางรายการที่ 1 และ 2 ขับขี่ผ่านตามกันมา ตรงตามที่ได้รับแจ้ง ลักษณะมีพิรุธต้องสงสัย เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้เรียกให้หยุดรถเพื่อขอทำการตรวจสอบพร้อมกับได้แสดงความบริสุทธิ์ใจจนเป็นที่พอใจแล้ว ผลการตรวจสอบพบ นายทรงพลฯ ผู้ต้องหาที่ 1 เป็นผู้ขับขี่รถยนต์ของกลางรายการที่ 1 โดยมี นางอภัสราฯ ผู้ต้องหาที่ 2 นั่งมาในรถด้วย และพบ นายประสิทธิ์ฯผู้ต้องหาที่ 3 เป็นผู้ขับขี่รถยนต์ของกลางรายการที่ 2 โดยมีนายโจสิทธิ์ฯ ผู้ต้องหาที่ 4 นั่งมาในรถด้วย จากนั้นเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้ตรวจค้นภายในรถยนต์ของกลาง จากการตรวจค้นรถยนต์รายการที่ 2 พบผู้ต้องหาบุคคลต่างด้าวสัญชาติเมียนมา รวมจำนวน 19 ราย เป็นชาย 12 ราย เป็นหญิง 7 รายนั่งโดยสารมาภายใน
ตู้ทึบหลังรถยนต์ของกลางรายการที่ 2 จากการตรวจสอบร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตม.จว.นครศรีธรรมราช พบว่าทั้งหมด เป็นบุคคลต่างด้าวสัญชาติเมียนมา ไม่มีหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางมาแสดงแต่อย่างใด โดยจากการสอบถามผู้ต้องหาที่ 1 และ 2 ให้การรับว่า ตนได้รับการติดต่อจาก นายเบิร์ดฯ สัญชาติไทย (ไม่ทราบชื่อสกุลจริง) ให้ไปรับคนต่างด้าวผิดกฎหมายสัญชาติเมียนมา จำนวน 19 คน จากบริเวณมหาชัย จ.สมุทสาคร ให้ไปส่งที่ปลายทาง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา โดยผู้ต้องหาที่ 1 ทำหน้าที่เป็นผู้ขับรถยนต์
ของกลางรายการที่ 1 และมีผู้ต้องหาที่ 2 ทำหน้าที่เป็นผู้ติดต่อประสานงาน โดยใช้รถยนต์ของกลางรายการ

ที่ 1 เป็นรถขับนำทางได้ค่าจ้าง 20,000 บาท และผู้ต้องหาที่ 3 รับว่าเป็นผู้ขับขี่ รถยนต์ของกลางรายการที่ 2 ซึ่งเป็นรถที่บรรทุกคนต่างด้าวผิดกฎหมายมา ได้ค่าจ้างขับรถจำนวน 3,000 บาท โดยมีผู้ต้องหาที่ 4 ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยคนขับ จนกระทั่งมาถูกตำรวจทางหลวงเรียกตรวจสอบ และสอบถามผู้ต้องหาชาวเมียนมาผ่านล่ามแปลภาษาให้การยอมรับว่า ได้ลักลอบเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรไทยทางช่องทางธรรมชาติและเดินเข้ามาในพื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก และจะมีคนพามาขึ้นรถเพื่อที่จะเข้ามาหางานทำในประเทศไทย โดยเสียค่าใช้จ่ายจำนวน 60,000 – 90,000 บาท เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงแจ้งข้อกล่าวหาให้ผู้ต้องหาทราบ และควบคุมตัว
พร้อมของกลางและนำส่งพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรจุฬาภรณ์ ภ.จว.นครศรีธรรมราช ดำเนินการ
ตามกฎหมายต่อไป