HD_web_ข่าวเด่นทั่วไทย-03-removebackground

ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ร่วม อย. บุกแหล่งผลิตเครื่องสำอางผสมเสตียรอยด์ กวนคาถาด มูลค่ากว่า 2 ล้านบาท

วันที่ 22 มีนาคม 2567 กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย, พล.ต.ต.วิวัฒน์ ชัยสังฆะ, พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ รอง ผบช.ก, เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปคบ. โดยการสั่งการของ พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ปคบ., พ.ต.อ.อนุวัฒน์ รักษ์เจริญ, พ.ต.อ.ชัฏฐ นากแก้ว, พ.ต.อ.ปัญญา กล้าประเสริฐ รอง ผบก.ปคบ., พ.ต.อ.วีระพงษ์ คล้ายทอง ผกก.4 บก.ปคบ., สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา โดย นพ.ณรงค์ อภิกุลวณิช เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา และ ภก.วีระชัย นลวชัย รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา, ภก.หญิงอรัญญา เทพพิทักษ์ ผู้อำนวยการศูนย์จัดการเรื่องร้องเรียนและปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์สุขภาพ (ศรป.) ร่วมกันแถลงผลการปฏิบัติกรณีทลายแหล่งผลิตและจำหน่ายเครื่องสำอางผสมเสตียรอยด์ (เบื้องต้นพบใช้สารตั้งต้นเป็นยาแผนปัจจุบันที่เป็นสเตียรอยด์) ตรวจยึดของกลาง 18 รายการ มูลค่ากว่า 2,000,000 บาท
พฤติการณ์กล่าวคือ สืบเนื่องจากปัจจุบัน ผู้บริโภคมีความนิยมซื้อเครื่องสำอางผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์เพื่อหวังผลลัพธ์ให้ผิวขาวกระจ่างใส และรักษาฝ้า แต่ปรากฏว่าเมื่อนำมาใช้แล้วเกิดอาการแพ้ ผิวหน้าอักเสบ และเกิดฝ้าถาวรมากขึ้น กองกำกับการ 4 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค จึงมีมาตรการในการเฝ้าระวังผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่ผลิตโดยไม่ได้มาตรฐานและผสมสารต้องห้ามอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันการนำสารต้องห้ามผสมในการผลิตเครื่องสำอาง อาทิ เช่น ปรอท สารโฮโดรควินิน กรดเรโนเทอิก และสเตียรอยด์ ซึ่งหากใช้แล้วอาจก่อให้เกิดอาการแพ้ ผิวบางลง ผิวหน้าดำ เกิดเป็นฝ้าถาวร เพิ่มโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งผิวหนัง โดยเฉพาะสารไฮโดรควิโนนอาจดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดและสามารถกระตุ้นให้ร่างกายมีอาการสั่นหรือเกิดภาวะลมชักหรือกระตุ้นให้เกิดอาการแพ้ได้
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ปคบ. ได้รับแจ้งเบาะแสจากประชาชนว่า มีสถานที่ลักลอบผลิตเครื่องสำอางโดยไม่ได้รับอนุญาต จึงทำการสืบสวนหาข่าวจนทราบถึงสถานที่ลักลอบผลิตผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่ผสมสารต้องห้าม

ต่อมาในวันที่ 22 มีนาคม 2567 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ปคบ. ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) นำหมายค้นของศาลจังหวัดสมุทรสาครเข้าทำการตรวจค้นสถานที่ที่เกี่ยวข้อง ในการลักลอบผลิต พื้นที่ ตำบลคลองมะเดื่อ อำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร จำนวน 2 จุด ดังนี้
จุดที่ 1 สถานที่ผลิต พบ นาย เฉลียว (สงวนนามสกุล) อายุ 68 ปี ซึ่งเป็นเจ้าบ้าน เป็นผู้นำตรวจค้นโดยสถานที่ดังกล่าวสถานที่ดังกล่าวใช้พื้นที่ภายในบ้านในการจัดเก็บและผลิตเครื่องสำอางสำหรับทาผิวหน้าและผิวกาย โดยผสมส่วนผสมต่างๆ ด้วยมือมนุษย์ และอุปกรณ์ในการผลิตที่ไม่มีสุขอนามัย พร้อมตรวจยึด
1. ยา BETASONE-CE CREAM (ยาขึ้นทะเบียนมีส่วนผสมของสเตียรอยด์) จำนวน 76 กระปุก
2. ผง BETA BETAZONE (เคมีภัณฑ์สเตียรอยด์) ​​น้ำหนัก 400 กรัม
3. ไฮโดรควิโนน (ผงสีขาวขุ่น) ​​​​น้ำหนัก 6 กิโลกรัม
4. ผงสีขาวบรรจุอยู่ในกระปุกสีขาว(สเตียรอยด์)​​น้ำหนัก 900 กรัม
5. ผงสีขาว บรรจุอยู่ในถุงพลาสติก น้ำหนักถุงละ 1 กิโลกรัม ​จำนวน 15 ถุง
6. ผงสีเหลือง(วิตามิน A) ​​​​​น้ำหนัก 200 กรัม
7. ผง ALLANIGIN​​​​​น้ำหนัก 500 กรัม
8. ผง METHYLPARABEN BP USP​​​​น้ำหนัก 450 กรัม
9. ผง PROPYLPARABEN BP USP​​​​น้ำหนัก 450 กรัม
10. ผลึก SODIUM METABISULFITE BP​​​จำนวน 1 กล่อง
11. เนื้อครีมสีส้ม บรรจุอยู่ในกระปุก (ผสมแล้ว)​​จำนวน 5 กระปุก
12. หัวเชื้อน้ำหอม ​​​​​จำนวน 2 ถัง น้ำหนัก 5.5 กิโลกรัม
13. WAX สำหรับทำสบู่​​​​​จำนวน 3 กระสอบ น้ำหนัก 2.6 กิโลกรัม
14. น้ำยา GLYCERIN บรรจุแกลลอนละ 25 กิโลกรัม​​จำนวน 5 แกลลอน
15. ถังพลาสติก ขนาด 20 ลิตร เตรียมสำหรับบรรจุผลิตภัณฑ์ที่ผสมแล้ว จำนวน 12 ใบ
16. อุปกรณ์ในการผลิต (ตาชั่ง ไม้พายสำหรับกวน กาละมังขนาดต่างๆ ตะแกรงสำหรับร่อนผง) จำนวน 9 รายการ รวม 13 อัน
17. กระปุกเปล่าบรรจุสาร แกลลอนเปล่าบรรจุสาร (ที่ใช้แล้ว)​จำนวน 3 รายการ รวม 18 ใบ

จุดที่ 2 สถานที่เก็บวัตถุดิบ โดยมี นาง มาลี (สงวนนามสกุล) เป็นผู้นำตรวจค้น ผลการตรวจค้น พบกระปุกเปล่า ฉลากระบุ BETASONE-CE CREAM จำนวน 1,290 กระปุก ซึ่งจากการสอบถาม รับว่า กระปุกดังกล่าว นาย เฉลียว (สงวนนามสกุล) นำมาให้ตนเก็บไว้ ซึ่งแจ้งว่า เป็นกระปุกที่นำครีมออกมาใช้แล้ว จึงตรวจยึดเป็นของกลาง
รวมตรวจค้นทั้งหมด 2 จุด ตรวจยึดของกลาง จำนวน 18 รายการ รวมมูลค่ากว่า 2,000,000 บาท พร้อมจับกุมตัว นายเฉลียว ฯ พร้อมของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปคบ. ดำเนินคดี
จากการสืบสวนเพิ่มเติมพบว่า นาย เฉลียว ฯ รับว่าตนเองจบระดับปริญญาตรี จากวิทยาลัยเกษตรกรรมแห่งหนึ่ง หลังจากเกษียณอายุราชการ ได้ทำงานที่บริษัทผลิตเครื่องสำอาง ต่อมาบริษัทปิดตัวลง จากนั้นจะมี เซลล์บริษัท เดิมที่ตนรู้จัก ได้ติดต่อมาเพื่อขอให้ผลิตเครื่องสำอางให้ แรกๆ ผลิตส่งแล้ว ผู้ใช้ไม่ค่อยได้ผล ตนเองจึงคิดสูตร โดยหาจากสื่อออนไลน์ YOUTUBE, TikTok จนได้สูตรดังกล่าว ทำมาแล้วประมาณเกือบ 2 ปี โดยรับว่ามีผู้ติดต่อให้ผลิตเพื่อส่งไปขายต่อ ไม่ทราบว่าไปติดสติกเกอร์เป็นผลิตภัณฑ์ตัวใด โดยมีรายได้เดือนละประมาณ 100,000 – 300,000 บาท ซึ่งจากการตรวจสอบการรับโอนเงินสั่งซื้อพบมีการโอนเงินค่าสินค้าประมาณ 4 ล้านบาท
ซึ่งจากการตรวจสอบผลิตภัณฑ์ที่ผลิต เจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นยาแผนปัจจุบัน เบื้องต้นการกระทำดังกล่าวเป็นความผิด “ผลิตยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.ยา พ.ศ.2510 ระวางโทษ จำคุกไม่เกิน 5 ปี และปรับไม่เกิน 10,000 บาท

หากผลการตรวจสอบผลิตภัณฑ์อื่น พบว่าเป็นเครื่องสำอาง จะเป็นความผิดเพิ่มเติม
1. “ผลิตเครื่องสำอางปลอม” ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
2. “ผลิตเครื่องสำอางที่ไม่ได้จดแจ้ง” ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือ ปรับไม่เกิน 50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
2. หากตรวจพบสารห้ามใช้เป็นส่วนผสมในเครื่องสำอาง จะเป็นความผิดเพิ่มเติมตาม พ.ร.บ.เครื่องสำอาง ฐาน “ผลิตและขายเครื่องสำอางที่ไม่ปลอดภัยในการใช้” ผู้ผลิตระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และผู้ขายระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน300,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ

เภสัชกรหญิงอรัญญา เทพพิทักษ์ ผู้อำนวยการศูนย์จัดการเรื่องร้องเรียนและปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์สุขภาพ (ศรป.) กล่าวว่า ปฏิบัติการในครั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ขอขอบคุณตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) ที่สืบสวนขยายผลจนสามารถหาแหล่งผลิตและจำหน่ายรวมถึงตรวจยึดเครื่องสำอางที่ผิดกฎหมายได้จำนวนมาก โดยการปฏิบัติการในครั้งนี้ อย. ได้มีการเฝ้าระวังการขายเครื่องสำอางที่ตรวจพบสารห้ามใช้ ได้แก่ ไฮโดรควิโนน ปรอท และกรดเรทิโนอิก ประกอบกับได้รับเรื่องร้องเรียนการขายผ่านช่องทางแพลตฟอร์มออนไลน์ (shopee/lazada/tiktok) เป็นกรณีพิเศษ โดยร่วมกับตำรวจ บก. ปคบ. สืบสวนสอบสวนหาตัวผู้กระทำผิดจนมีการจับกุมดำเนินคดีผู้ผลิตและผู้ผลิตรายนี้ได้
ขอย้ำเตือนประชาชนว่าการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางทางสื่อออนไลน์ที่อวดอ้างสรรพคุณเกินจริง สิวฝ้าหน้าขาวขึ้นภายใน 7 วัน ซึ่ง อย.ไม่อนุญาตการโฆษณาที่อวดอ้าง เป็นเท็จ หลอกลวงและเกินจริง หากพบจะดำเนินคดีกับผู้ที่กระทำการโฆษณาเกินจริงทุกกรณี ทั้งนี้ผู้บริโภคสามารถตรวจสอบผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ได้รับอนุญาตจาก อย. ได้ที่ www.fda.moph.go.th และ Line@FDAThai หากพบผลิตภัณฑ์ที่ต้องสงสัยหรือไม่ได้รับอนุญาต สามารถแจ้งได้ที่สายด่วน อย.1556 หรือผ่าน Email: [email protected] Line@FDAThai, Facebook: FDAThai หรือ ตู้ปณ.1556 ปณฝ.กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี 11004 หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ

พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ปคบ. กล่าวฝากความห่วงใยมายังพี่น้องประชาชนว่าระมัดระวังและไตร่ตรองให้รอบคอบ ก่อนซื้อผลิตภัณฑ์ต่างๆโดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่จำหน่ายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ควรตรวจสอบอย่างถี่ถ้วน อย่าหลงซื้อ เพียงเพราะเห็นแก่ราคาสินค้าที่ถูกกว่าท้องตลาด หรือการอวดอ้างสรรพคุณที่ให้ผลเกินจริง เช่น ขาวไว ผอมเร็ว เป็นต้น ควรเลือกซื้อจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับสุขภาพ เช่น เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยา ที่ถูกเกินกว่าปกติ ให้ระลึกไว้เสมอว่าท่านกำลังเสี่ยงต่อการตกเป็นเหยื่อการโฆษณาและได้ของปลอม ของไม่มีคุณภาพ ใช้แล้วอาจเกิดอาการแพ้ และขอเน้นย้ำกับผู้จำหน่ายผลิตภัณฑ์ทางแพลตฟอร์มออนไลน์ทั้งหลายว่าอย่านำสินค้าที่ผิดกฎหมายมาจำหน่ายหรือหลอกลวงผู้บริโภคโดยเด็ดขาด หากพบจะดำเนินการทางกฎหมายให้ถึงที่สุด ทั้งนี้ผู้ที่พบเห็นการกระทำความผิดกฎหมายในลักษณะอื่นใด สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่สายด่วน ปคบ.1135 หรือ เพจ ปคบ.เตือนภัยผู้บริโภคได้ตลอดเวลา