HD_web_ข่าวเด่นทั่วไทย-03-removebackground

ระยองนครแห่งโอกาส กับความท้าทายที่สุดในฐานะว่าที่ผู้สมัครนายกเทศมนตรีนครระยอง “ภูษิต ไชยฉ่ำ” หรือโจ จาก “นักธุรกิจ” สู่ “นักพัฒนาเมือง”

นายภูษิต ไชยฉ่ำ กล่าว่า “นครแห่งโอกาส” คือผลผลิตจากประสบการณ์ ความรู้และบทบาทหน้าที่ที่สั่งสมมากว่า 25 ปี ของนายภูษิต ไชยฉ่ำ นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และอดีตรองนายกเทศมนตรีนครระยอง โดยใช้วันที่ 1 เมษายน 2567 ที่ไม่เพียงแถลงลาออกจากบทบาทผู้บริหารเมืองในเทศบาลนครระยอง ยังเป็นวันที่ประกาศเดินหน้ายุทธศาสตร์ สร้างความร่วมมือจากทุกส่วนในนครระยอง ร่วมกันสร้างสิ่งที่นายภูษิต เปรียบเหมือน “พิซซ่า” ที่ทุกคนร่วมกันทำให้อร่อยที่สุดในภาคตะวันออก

ก่อนที่นายภูษิตจะกลายมาเป็นนักพัฒนาเมือง นายภูษิต หรือ “โจ” ด้วยความเป็นคนระยองโดยกำเนิดและเติบโต ได้โอกาสเดินทางไปทำงานกับบริษัทต่างชาติ ก่อนจะกลับมาที่บ้านเกิดเพื่อเริ่มทำธุรกิจ ด้วยแรงบันดาลใจที่เห็นถึง “โอกาส” ระยองในเวลานั้นกำลังเติบโตเป็นเมืองอุตสาหกรรม พื้นที่เมืองขยายตัวต่อเนื่อง ทุกคนมาแสวงหาโอกาสที่ระยอง นายภูษิตเลือกทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เริ่มจาก Service Apartment ราคาหลักหมื่น แต่มีคุณภาพและปลอดภัย

การลงมือทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เกิดจากสิ่งที่นายภูษิตได้เรียนรู้จากการทำงานกับบริษัทต่างชาติที่ว่า เมื่อเวลาตัดสินใจทำอะไร จะไม่ใช่ความรู้สึกหรือความต้องการ แต่ใช้หลักตรรกะและข้อมูลที่รวบรวมและจัดลำดับความสำคัญ นอกจากนั้น สิ่งสำคัญที่นายภูษิตเลือกธุรกิจสร้างบ้าน คือ ได้เห็นการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ที่มีคุณภาพให้กับผู้คนและเมือง อีกทั้งธุรกิจนี้ยังสร้างงาน สร้างอาชีพอื่นๆ และตอบสนองโอกาสของคนที่อยากได้ที่พักอาศัยที่มีคุณภาพดี

จาก “นักธุรกิจ” สู่ “นักพัฒนาเมือง”ขณะที่นายภูษิต ดำรงตำแหน่งประธานสมาคมอสังหาริมทรัพย์ นายภูษิต ได้เดินทางดูงานที่จังหวัดขอนแก่น และได้พบกับ คุณสุรเดช ทวีแสงสกุลไทย ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท ขอนแก่นพัฒนาเมือง จำกัด ผู้จุดประกายให้นายภูษิต เปิดโอกาสจากสร้างบ้าน หันมาสนใจการสร้างเมืองขึ้นมา จนในปี 2563 นายภูษิต ตัดสินใจตั้งบริษัท ระยองพัฒนาเมือง จำกัด เพื่อเป็นแหล่งความรู้และคลังความคิดเพื่อสร้างนโยบบายด้านเมืองให้กับเทศบาลนครระยองนำไปปรับใช้ พัฒนาเมืองให้ดียิ่งขึ้น (ในปี 2565 ระยองพัฒนาเมือง ได้จดทะเบียนเป็น “วิสาหกิจเพื่อสังคม” กลายเป็น “บริษัท ระยองพัฒนาเมือง (วิสาหกิจเพื่อสังคม) จำกัด” จนถึงปัจจุบัน)

ต่อมาปี 2564 นายภูษิต ได้รับเชิญมาเข้าร่วมทีมผู้บริหารเทศบาลนครระยอง แต่ก็ยังไม่ตัดสินใจในทันที และใช้เวลาขบคิดนานถึงสิ่งที่เปลี่ยนไป การเสียสละโอกาสและชีวิตส่วนตัวบางอย่าง จนตัดสินใจได้ว่า จะเอาสิ่งที่ตัวเองตั้งใจในเรื่องพัฒนาเมือง มาช่วยเหลือพี่น้องนครระยอง ตลอดการทำหน้าที่กว่า 3 ปี ด้วยความรู้และประสบการณ์ บวกกับการเรียนรู้จากวงเสวนาผู้บริหารเมืองตั้งแต่ที่กรุงเวียนนาจนถึงกรุงเทพฯ ทำให้เห็นว่า ระยองสามารถต่อยอดโอกาสไปได้อีกไกล

นายภูษิต กล่าวว่า สิ่งที่ระยองได้รับจากยุคโชติช่วงชัชวาลของการพัฒนา คือผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม การรุกล้ำที่ดิน การจะแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นกับเมืองและอุตสาหกรรมได้ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มีบทบาทสำคัญมาก เพราะเทศบาล-ชุมชน-อุตสาหกรรม คือเนื้อเดียวกัน นายกเทศมนตรีต้องเป็นผู้ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์เมือง ต้องรู้จุดอ่อนจุดแข็งของเมืองที่ตัวเองดูแล และค่อยพัฒนาศักยภาพพร้อมกับเปิดการมีส่วนร่วมให้ประชาชนค่อยๆเติบโต

จากอีสเทิร์นซีบอร์ด จนถึงเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) นายภูษิต กล่าวว่า มีหลายคนตั้งความหวังกับโครงการสำคัญไม่ว่ารถไฟความเร็วสูงหรือเมืองการบินที่อู่ตะเภา ซึ่งจะส่งผลต่อนครระยอง ตัวเองเชื่อมั่นลึกๆว่าสิ่งเหล่านี้ต้องมา เพียงแต่รอโอกาสที่ลงตัว แม้แต่เรื่องศูนย์ความบันเทิงครบวงจรและคาสิโนที่กำลังผลักดัน สิ่งนี้กำลังส่งผลให้ระยองเป็นเมืองระดับโลก นี่คือโอกาสของระยอง แต่ระยองสามารถสร้างโอกาสนี้ให้กับตัวเองได้ ไม่ว่าการปรับพื้นที่หรือเปลี่ยนรถไฟความเร็วสูงเป็นความเร็วปานกลาง ด้วยต้นทุนที่ถูกกว่าแต่ยังคงจุดมุ่งหมายของการเป็นเมืองระดับโลก

“โอกาส” สร้าง “คน”โอกาสที่ได้รับมาตลอดชีวิต จากลูกจ้างบริษัทต่างชาติ นักธุรกิจ มาสู่ผู้บริหารเมือง ทำให้ตัดสินใจที่จะมอบโอกาสนี้ให้กับชาวนครระยอง โอกาสที่ให้เมืองระยองเป็น “นครแห่งโอกาส” เปลี่ยนผ่านอย่างสร้างสรรค์ ผ่านกรอบคิด 4 มิติ “1 ศ 3 ส” ได้แก่ “เศรษฐกิจ-สุขภาวะ-สุนทรียะ-สาธารณะ” เพื่อทำให้พิซซ่าที่เรียกว่า “นครแห่งโอกาส” เกิดขึ้นได้ นายภูษิต ตัดสินใจลงจากตำแหน่ง มาร่วมสร้างโอกาสใหม่นี้ และนำเอา “1 ศ 3 ส” ไปพบกับประชาชน ชุมชนในเทศบาลนครระยอง มาร่วมกันสร้างนครแห่งโอกาส เพราะนายภูษิตกล่าวว่า พิซซ่าถาดนี้ ตัวเองทำคนเดียวไม่ได้ ต้องอาศัยการร่วมมือของทุกคน ช่วยกันแต่งแต้มหน้าพิซซ่าแสนอร่อย ทำให้นครระยอง เป็น “นครแห่งโอกาส” ขึ้นมา

นอกจากนี้ นายภูษิต ยังให้ความสำคัญกับเรื่องของ “คน” ด้วยบริบทที่เปลี่ยนไป อย่างเช่น การเพิ่มขึ้นของผู้สูงอายุในระยอง เมืองยังไม่มีแผนรับมือ หรือนักเรียนในเทศบาลร่วม 4 หมื่นคนยังคงเรียนผ่านระบบการศึกษาที่ใช้กันมาหลายปี ขณะที่โลกหมุนเร็วขึ้น การท่องจำพยัญชนะ A-B-C-D เมื่อก่อน มาวันนี้ ต้องเรียนรู้ให้ทันอย่าง “A” คือ A.I. หรือปัญญาประดิษฐ์ “B” คือ Blockchain “C” คือ Cloud พื้นที่เก็บข้อมูลในอากาศที่ไร้ขอบเขต และ “D” คือ “Data” ข้อมูลที่มีมหาศาล หลายประเทศก้าวไปไกลกับเรื่องนี้มาก ขณะที่ไทยยังคงอยู่กับที่ ทำให้การพัฒนา “คน” การศึกษายังคงเป็นเรื่องสำคัญ และการศึกษาต้องได้รับอย่างเท่าเทียม

“ประเด็นพัฒนา “คน” จึงเป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องการให้ทุกคนมาช่วย วันนี้ ต้องย้อนกลับมาดูแลคนให้มาก และด้วยเวลาอีก 1 ปี ก่อนถึงวันที่ 27 มีนาคม 2568 ซึ่งจะมีการเลือกตั้งเทศบาลนครระยอง ตนพร้อมกับชาวนครระยองขอทุ่มเทช่วยกันปรุงพิซซ่าที่อร่อยที่สุดในภาคตะวันออกขึ้นมา” นายภูษิต กล่าว

เส้นทางชีวิตของภูษิต ไชยฉ่ำ มีความผูกพันกับการเห็น “โอกาส” จากนักธุรกิจสร้างที่พักให้กับระยองที่กำลังขยายตัว จนมาถึง “นักพัฒนาเมือง” และตำแหน่งผู้บริหารเมืองที่หวังสร้างโอกาสให้กับเมือง เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของประชาชน การลงจากตำแหน่งรองนายกเทศมนตรี เป็นการตัดสินใจเพื่อลงมาร่วมสร้างความร่วมมือกับทุกคนเปลี่ยนเมืองระยองให้เป็น “นครแห่งโอกาส” ชวนทุกคนร่วมคิดใหญ่ เพื่อนครระยองและเพื่อลูกหลานคนระยองในอนาคต

นายภูษิต สรุปบทเรียนจากเรื่องราวทั้งหมดว่า วันนี้เราต้องคิดใหญ่ ลงมือทำ บ่มเพาะคุณค่าและโอกาส แม้ไม่รู้ว่าจะอยู่นานพอทันได้เห็นหรือไม่ แต่หากทำให้ในอนาคต การเมืองท้องถิ่นสามารถต่อยอดนโยบายได้ สร้างประโยชน์ให้กับลูกหลานได้ ย่อมเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ดั่งสำนวนกรีกที่กล่าวว่า“สังคมจะยิ่งใหญ่ได้ เมื่อชายชราผู้ปลูกต้นไม้รู้ดีว่า พวกเขาไม่มีวัน ที่จะได้อาศัยร่มเงา”