HD_web_ข่าวเด่นทั่วไทย-03-removebackground

ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) บุกจับร้านคาราโอเกะสาวลาวแฝงค้ากามลูกค้าเมืองแปดริ้วจังหวัดฉะเชิงเทรา

กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดยกองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.ณัฐพงษ์ สัตยานุรักษ์ รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.ศารุติ แขวงโสภา ผบก.ปคม., พ.ต.อ.กรีธา ตันคณารัตน์, พ.ต.อ.สุรพงศ์ ชาติสุทธิ์, พ.ต.อ.ณรงค์ เทศวิบูลย์, พ.ต.อ.วุฒิชัย จันโทภาส, พ.ต.อ.มารุต กาญจนขันธกุล, รอง ผบก.ปคม., พ.ต.อ.พัฒนพงศ์ ศรีพิณเพราะ ผกก.2 บก.ปคม. เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมนำโดย พ.ต.ต.ณรงเวทย์ จิวเดช สว.กก.2 บก.ปคม. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปคม. ร่วมกันจับกุม​
ในความผิดฐาน ผู้ต้องหาที่ 1 และ ผู้ต้องหาที่ 2 “ร่วมกันเป็นธุระจัดหา ล่อไป หรือชักพาไปซึ่งบุคคลใดเพื่อให้บุคคลนั้นประทำการค้าประเวณี แม้บุคคลนั้นจะยินยอมก็ตาม และไม่ว่าการกระทำต่างๆ อันประกอบ
เป็นความผิดนั้นจะได้กระทำภายในหรือนอกราชอาณาจักร, ร่วมกันรับบุคคลต่างด้าวทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันเปิดสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต”
ผู้ต้องหาที่ 3 ถึง 9 กระทำผิดฐาน “เป็นบุคคลต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน”
สถานที่จับกุม บริเวณภายในร้านคาราโอเกะแห่งหนึ่ง หมู่ 1 ต.บางวัว อ.บางปะกง จว.ฉะเชิงเทรา
พร้อมด้วยของกลาง
1. ธนบัตรไทย ฉบับละ 1,000 บาท จำนวน 1 ใบ, ธนบัตร ฉบับละ 500 บาท จำนวน 1 ใบ
2. กระเป๋าถือ ลายสีม่วง จำนวน 1 ใบ
3. บิลที่ลงจำนวนเงินค่าดื่มของพนักงานในร้าน และบิลที่ลงชื่อพนักงานหญิงออกไปให้บริการ
พฤติการณ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ปคม. สืบทราบว่าร้านคาราโอเกะแห่งหนึ่ง อ.บางปะกง
จว.ฉะเชิงเทรา มีการลักลอบเปิดสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาตและมีการขายบริการทางเพศให้กับลูกค้า จึงได้นำเรียนผู้บังคับบัญชาทราบ และขออนุญาตปฏิบัติการอำพราง โดยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการอำพรางแฝงตัว
เป็นลูกค้าเข้าไปใช้บริการภายในร้านดังกล่าว โดยได้นั่งดื่มกินภายในร้าน ต่อมา น.ส.วอนฯ หรือ มิ้น สัญชาติลาว ได้มาเสนอขายบริการทางเพศโดยคิดค่าบริการทางเพศในราคา 2,000 บาท โดยทางร้านจะได้รับส่วนแบ่ง จำนวน 400 บาท จ่ายค่าโรงแรม 280 บาท ส่วนที่เหลือจะเป็นค่าตัวของ น.ส.วอนฯ เมื่อมีการตกลงชื้อขายบริการทางเพศแล้ว น.ส.วอนฯ ได้นำเงินจำนวน 2,000 บาท ไปมอบให้ น.ส.นิศากรฯ ซึ่งทำหน้าที่เป็นแคชเชียร์ของร้าน และต่อมานายมีเกียรติฯ เจ้าของร้านจะขับรถจักรยานยนต์พาเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดอำพรางและหญิงสาวสัญชาติลาว
ไปส่งที่โรงแรมแห่งหนึ่ง อ.บางปะกง จว.ฉะเชิงเทรา เพื่อร่วมประเวณี จึงได้ส่งสัญณาณให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 ปคม. ชุดจับกุมได้เข้าตรวจสอบภายในร้านคาราโอเกะดังกล่าว

จากการตรวจสอบพบ น.ส.นิศากรฯ และนายมีเกียรติฯ แสดงตัวว่าเป็นผู้ดูแลร้านดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้ขอตรวจสอบเอกสารการเปิดสถานบริการ แต่ น.ส.นิศากรฯ และนายมีเกียรติฯ ไม่สามารถนำเอกสารดังกล่าวมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้ จากการตรวจสอบพบธนบัตรที่ได้ลงบันทึกประจำวันเกี่ยวกับคดีไว้ในการปฎิบัติการอำพรางอยู่ภายในกระเป๋าถือลายสีม่วงซึ่งวางอยู่บนเคาเตอร์ภายในร้าน โดย น.ส.นิศากรฯ ยอมรับว่าเป็นกระเป๋าที่ใช้ใส่ธนบัตรของกลาง ตรวจสอบพบบิลที่ลงจำนวนเงินค่าดื่มของพนักงานในร้านและบิลที่ลงชื่อพนักงานหญิงสัญชาติลาวที่ออกไปให้บริการทางเพศกับลูกค้าตรวจพบอยู่ที่เคาเตอร์ภายในร้าน เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้
แจ้งข้อกล่าวหา น.ส.นิศากรฯ และนายมีเกียรติฯ ว่า “ร่วมกันเป็นธุระจัดหา ล่อไป หรือชักพาไปซึ่งบุคคลใด
เพื่อให้บุคคลนั้นประทำการค้าประเวณี แม้บุคคลนั้นจะยินยอมก็ตาม และไม่ว่าการกระทำต่างๆ อันประกอบ
เป็นความผิดนั้นจะได้ประทำภายในหรือนอกราชอาณาจักร, ร่วมกันรับบุคคลต่างด้าวทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันเปิดสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต ส่วนพนักงานหญิงสาวสัญชาติลาวจำนวน 7 คน ที่เป็นพนักงาน

อยู่ภายในร้านดังกล่าวได้แจ้งข้อกล่าวหา ว่า “เป็นบุคคลต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน” จึงนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 9 คน ส่งพนักงานสอบสวน สภ.บางปะกง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาโดยผู้ต้องหาที่ 1 และ ผู้ต้องหาที่ 2 ให้การยอมรับว่าตนเองได้ขอเปิดสถานบริการดังกล่าวจริงและใบอนุญาตให้เปิดสิ้นสุดลงนานแล้วแต่ไม่ได้ไปต่อใบอนุญาตใหม่อย่างใด ส่วนผู้ต้องหาที่ 3 ถึง 9 ให้การยอมรับว่าเป็นคนสัญชาติลาวได้เข้ามาในราชอาณาจักร
ในสถานะนักท่องเที่ยวและไม่มีใบอนุญาตให้ทำงานแต่อย่างใด
ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) เตือนภัย นักเที่ยวนักดื่มที่เข้าไปใช้บริการในสถานบริการที่ไม่มีใบอนุญาตถูกต้องตามกฎหมาย เสี่ยงต่อการถูกเอารัดเอาเปรียบ ไม่ถูกสุขอนามัย และถูกติดต่อชักชวนจากบุคคลแปลกหน้าที่พบตามสถานที่ต่างๆ ซึ่งไม่เคยรู้จักกันมาก่อนให้พึ่งใช้ความระมัดระวังในการที่จะดื่มหรือกินอาหารจากบุคคล
แปลกหน้า อาจตกเป็นเหยื่อของมิสสาชีพและถูกล่อลวงไปกระทำสิ่งไม่ดี ซึ่งสิ่งที่ต้องพึงระวังคือถ้าไม่จำเป็น
อย่าเชื่อใจคนแปลกหน้าที่เพิ่งรู้จักกันอาจนำภัยมาให้แก่ตนเองและเป็นอันตรายต่อร่างกาย ชีวิต หรือทรัพย์สินสิ่งมีค่า