HD_web_ข่าวเด่นทั่วไทย-03-removebackground

“พล.ต.อ.กิตติ์รัฐฯ” ประชุมติดตามการแก้ไขปัญหาจราจรจากรถโดยสารหน้าสถานีขนส่งหมอชิต และ ถ.ราชดำริ

“พล.ต.อ.กิตติ์รัฐฯ” ประชุมติดตามการแก้ไขปัญหาจราจรที่เกิดจากรถโดยสารสาธารณะขนาดเล็ก หน้าสถานีขนส่งหมอชิต และ ถ.ราชดำริ พบการจัดการจราจรมีประสิทธิภาพมากขึ้น ย้ำเข้มงวดต่อเนื่อง สร้างวัฒนธรรมการเคารพกฎหมายให้เกิดขึ้นในอนาคต

วันนี้ (27 พฤษภาคม 2567) เวลา 10.40 น. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.รรท.ผบ.ตร.) เป็นประธานการประชุมติดตาม และแก้ไขปัญหารถโดยสารสาธารณะขนาดเล็ก ซึ่งจอดรอรับผู้โดยสาร ทำให้เกิดปัญหาจราจรที่หน้าสถานีขนส่งหมอชิต และบริเวณถนนราชดำริ (เซ็นทรัลเวิลด์) ณ ห้องประชุม ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) โดยมี พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร.รรท.รอง ผบ.ตร. , พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผู้ช่วย ผบ.ตร. , พล.ต.ท.นิธิธร จินตกานนท์ ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. , พล.ต.ท.สิทธิชัย โล่กันภัย ผบช.สยศ.ตร. , ผู้แทนจากกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ที่รับผิดชอบงานจราจร , ผู้กำกับการ (ผกก.) สน.พญาไท , ผกก.สน.บางซื่อ , ผกก.สน.ลุมพินี และ ผกก.สน.ปทุมวัน ร่วมประชุม พล.ต.อ.กิตติ์รัฐฯ กล่าวว่า จากกรณีได้รับการร้องเรียนและตรวจสอบพบว่ามีรถโดยสารสาธารณะขนาดเล็ก ได้แก่ แท็กซี่ รถตุ๊กตุ๊ก จอดเข้าคิวรอรับผู้โดยสารบนช่องทางเดินรถ บริเวณหน้าสถานีขนส่งหมอชิต และบริเวณถนนราชดำริ (เซ็นทรัลเวิลด์) เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่บังคับใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาด ขาดการจัดระเบียบการจราจร จนเป็นเหตุให้ผู้ขับรถโดยสารสาธารณะขนาดเล็กทำจนเคยชิน ทำให้เสียช่องจราจร รถติดสะสม และบางครั้งก็เกิดอุบัติเหตุ ซึ่งตนได้ไปตรวจสภาพการจราจรทั้ง 2 แห่งด้วยตนเองแล้ว โดยได้เชิญ ผกก.สน. , รอง ผกก.จร. , สว.จร. พื้นที่ที่เกี่ยวข้อง ไปร่วมตรวจสอบ และได้ให้เวลาในการพิจารณาแก้ปัญหาเป็นเวลา 1 สัปดาห์ ขณะนี้ครบ 1 สัปดาห์แล้ว จึงได้ประชุมเพื่อทราบความคืบหน้าในการแก้ปัญหาดังกล่าว

เนื่องจากการเริ่มดำเนินการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ของ สน.บางซื่อ , สน.ลุมพินี , สน.ปทุมวัน และ สน.พญาไท เป็นการนำร่องในการปฏิบัติ ที่ผู้บังคับบัญชาระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกองบัญชาการตำรวจนครบาลจะต้องให้ความสำคัญและขับเคลื่อนอย่างจริงจัง โดยผู้ปฏิบัติในพื้นที่ต้องเดินหน้าบังคับใช้กฎหมายอย่างถูกต้องและเหมาะสม จึงมอบหมายให้กองบัญชาการตำรวจนครบาลสำรวจ ตรวจสอบถนนหรือพื้นที่ใดที่มีลักษณะฝ่าฝืน และเกิดปัญหาสะสมมายาวนาน คล้ายกับเหตุที่เกิดบนถนนกำแพงเพชร 2 และถนนราชดำริ ขอให้รวบรวมสภาพปัญหาในพื้นที่ และให้คณะทำงานด้านเสริมสร้างภาพลักษณ์ด้านการจราจร รวบรวมแล้วรายงานให้ตนทราบโดยตรง เพื่อจะได้พิจารณาวางแผนไปตรวจสอบ และนำรูปแบบการแก้ไขในวันนี้ ไปปฏิบัติในภาพรวมต่อไป

นอกจากนี้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐฯ กล่าวว่า ต้องขอขอบคุณผู้บังคับบัญชาทุกระดับของ บช.น. รวมทั้ง ผกก.และผู้เกี่ยวข้องของ สน.บางซื่อ , สน.ลุมพินี , สน.ปทุมวัน และ สน.พญาไท อย่างมาก ที่มีความจริงใจในการแก้ปัญหา ทำให้สามารถแก้ไขปัญหาการจราจรของทั้งสองจุดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ขอให้ผู้บังคับบัญชากำกับตรวจสอบอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ อย่าหย่อนยาน เพื่อไม่ให้วัฒนธรรมที่ไม่ถูกต้องซึ่งปฏิบัติจนเคยชินว่า “สิ่งไม่ถูกต้องคือสิ่งที่ถูกต้อง”กลับมาอีก ดังนั้น ปัญหาการจราจร 2 แห่งที่รายงานนี้ จะต้องมีการขับเคลื่อนเดินหน้าด้วยการบังคับใช้กฎหมาย และประสานบูรณาการกับหน่วยงานอื่นที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การจัดระเบียบและการบังคับใช้กฎหมายมีประสิทธิภาพและศักดิ์สิทธิ์ ให้เป็นโมเดลความสำเร็จไปปรับใช้กับพื้นที่อื่นต่อไป สร้างวัฒนธรรมการเคารพกฎหมายให้เกิดขึ้นในอนาคต

ด้าน พล.ต.ท.ประจวบฯ กล่าวว่า งานจราจรเป็นงานบริการประชาชน ผลสัมฤทธิ์คือความพึงพอใจของประชาชน เป็นงานที่สร้างภาพลักษณ์ที่ดีขององค์กร โดยจะนำนโยบายในการประชุมวันนี้ไปขับเคลื่อนในภาพรวมของทั้งประเทศ โดยจะบังคับใช้กฎหมายกับผู้กระทำผิดอย่างเข้มงวด บูรณาการปฏิบัติกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และติดตามผลการบังคับใช้กฎหมายอยู่เสมอ พร้อมกำชับผู้บังคับบัญชาทุกระดับหมั่นออกตรวจพื้นที่ด้วยตัวเอง โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีปัญหาการจราจร เพื่อตรวจสอบการปฏิบัติงานและรับทราบปัญหา

ด้าน พล.ต.ท.กรไชยฯ กล่าวว่า ได้สั่งการเน้นการวางกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรในจุดคับขันในช่วงเวลาเร่งด่วนเช้าและเย็น เพื่อเป็นการป้องปรามผู้ขับขี่ไม่ให้จอดรถหรือหยุดรถในช่องทางด้านซ้าย และให้ประสานผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้าจัดจุดจอดรถรับจ้างสาธารณะไว้เฉพาะ เพื่อบริการลูกค้าและนักท่องเที่ยว พร้อมประชาสัมพันธ์ผู้ขับขี่รถสาธารณะ รถรับจ้างให้ทราบ รวมถึงให้มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังในเขตที่มีการบังคับช่องทางเดินรถ และมีบทลงโทษสำหรับผู้กระความผิด โดยให้เพิ่มความเข้มงวดในการกวดขันวินัยจราจรและมาตรการลงโทษตามกฎหมายกับผู้กระทำผิด เน้นสร้างวินัยจราจร “ขับรถดี มีน้ำใจ รักษาวินัยจราจร”