HD_web_ข่าวเด่นทั่วไทย-03-removebackground

“ชัยวัฒน์​” นำทีมตรวจสอบการออกเอกสารสิทธิ ส.ป.ก. ทับซ้อนในเขตรักษา​พันธุ์​สัตว์ป่าอุทยานเสด็จในกรม กรมหลวงชุมพร

จากในอดีต เมื่อปี 2532 จ.ชุมพร ได้รับความเสียหายจากพายุใต้ฝุ่นเกย์ ส่งผลกระทบทำให้สภาพพื้นที่ป่าถูกทำลายเป็นจำนวนมาก รัฐบาลในขณะนั้นโดยกรมป่าไม้ได้ดำเนินการฟื้นฟูสภาพป่าโดยการปลูกป่าฟื้นฟู ในขณะเดียวกันราษฎร​ได้เข้าจับจองที่ดินในพื้นที่สวนป่าและพื้นที่ป่าอนุรักษ์​เพื่ออยู่อาศัยและทำกินในพื้นที่ที่มีสภาพป่าเป็นจำนวนมาก ต่อมา ส.ป.ก. ได้เข้ามาจัดการปฏิรูป​ที่ดินเพื่อการเกษตร​ให้กับราษฎรดังกล่าว ซึ่งทำให้มีพื้นที่บางส่วนของเขตปฏิรูป​ที่ดินทับซ้อนอยู่ภายใน ขสป.อุทยาน​เสด็จในกรมฯ ด้านทิศใต้ และบางส่วนอยู่นอกเขตปฏิรูป​ที่ดิน ซึ่งทับซ้อนอยู่ภายใน ขสป.อุทยาน​เสด็จในกรมฯ ด้านทิศใต้ และพื้นที่ที่อยู่ในความรับผิดชอบของกรมป่าไม้ เป็นจำนวนมาก

ในวันที่ 9 ก.ค. 2567 นายชัยวัฒน์​ ลิ้มลิขิต​อักษร​ ผอ.สำนักอุทยานแห่งชาติ ร่วมกับนายพรชัย สิทธิเกษร ผอ.ส่วนอนุรักษ์และป้องกันทรัพยากร สบอ.4 (สุราษฎร์​ธานี)​ นายพงษ์พัฒน์ เงินหนู หน.ขสป.อุทยานเสด็จในกรมฯ ด้านทิศใต้ คณะเจ้าหน้าที่จากหน่วยเฉพาะกิจปฏิบัติการพิเศษผู้พิทักษ์อุทยานแห่งชาติและสัตว์ป่า (พญา​เสือ)​ นายวินัย มาทอง ผู้ใหญ่บ้าน ม.11 ต.รับร่อ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร และราษฎรผู้อยู่อาศัย/ทำกินในพื้นที่ผู้ได้รับเอกสารสิทธิ ส.ป.ก 4-01 จำนวน 5 ราย เข้าตรวจสอบการออกเอกสารสิทธิ ส.ป.ก.4-01 และการออกรูปแปลง ส.ป.ก. ทับซ้อนภายใน ขสป.อุทยาน​เสด็จในกรมฯ ด้านทิศใต้ พร้อมทั้งดำเนินการแจ้งความร้องทุกข์​ต่อพนักงานสอบสวนในพื้นที่ จากการตรวจสอบข้อมูลจากไฟล์ดิจิตอล (shape file)​ พบว่ามีการออกรูปแปลง ส.ป.ก. ทับซ้อนอยู่ภายใน ขสป.อุทยาน​เสด็จในกรมฯ ด้านทิศใต้ จำนวนประมาณ 2,111 ไร่ ซึ่งในจำนวนดังกล่าวมีการออกรูปแปลง ส.ป.ก. นอกเขตปฏิรูปเป็นจำนวนกว่า 703 ไร่ จากการกระทำดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าพฤติการณ์​ของเจ้าหน้าที่สำนักงานปฏิรูป​ที่ดินจังหวัดชุมพร มีเจตนาที่จะยึดถือ​ครอบครอง​พื้นที่ และ/หรือมีส่วนในการสนับสนุน หรือรับรองให้ผู้อื่นยึดถือ​ครอบครองพื้นที่เขตรักษา​พันธุ์​สัตว์ป่า กรณีร่วมกันออกเอกสารสิทธิ​ ส.ป.ก.4-01 ซึ่งบางส่วนอยู่นอกเขตปฏิรูป​ที่ดิน ทับซ้อนภายในเขตรักษา​พันธุ์​สัตว์ป่า และความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติ​หน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้​หนึ่ง​ผู้ใด หรือปฏิบัติ​หรือละเว้นการปฏิบัติ​หน้าที่โดยทุจริต จึงได้นำเรื่องราวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ท่าแซะ เพื่อดำเนินการสอบสวนเจ้าหน้าที่ของสำนักงาน​การปฏิรู​ปที่ดินจังหวัดชุมพร และบุคคลผู้เกี่ยวข้อง

ด้านนายวินัย มาทอง ผู้ใหญ่บ้าน ม.11 ต.รับร่อ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร กล่าวว่า พื้นที่ดังกล่าวเป็นปัญหาเรื่องพื้นที่ทับซ้อนระหว่างหน่วยงานมายาวนาน เพราะการดำเนินการของ ส.ป.ก. ในอดีตไม่ได้มีการร่วมนำชี้แนวเขตจากเจ้าหน้าที่ของเขตรักษา​พันธุ์​สัตว์ป่า ทำให้พื้นที่ดังกล่าวซ้อนทับกันระหว่างหน่วยงาน ในวันนี้คณะเจ้าที่ได้นำข้อมูลต่าง ๆ มาชี้แจงต่อราษฎรให้เกิดความเข้าใจและเกิดความชัดเจนในการอยู่อาศัย/ทำกินในพื้นที่มากยิ่งขึ้น อีกทั้งการแก้ไขปัญหาการถือครองที่ดินของราษฎร ตามมาตรา 121 แห่ง พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า​ พ.ศ. 2562 ยังเป็นการอนุญาต​ให้ราษฎร​ที่อยู่​อย่างผิดกฎหมายได้อยู่อาศัย/ทำกินได้อย่างถูกกฎหมายและทำให้เกิดความมั่นคงในชีวิตอีกด้วย

ซึ่งราษฎร​ทั้ง 5 ราย ดังกล่าวที่เข้าร่วมในการตรวจสอบครั้งนี้ ขสป.อุทยาน​เสด็จในกรมฯ ด้านทิศใต้ ได้ดำเนินการสำรวจการครอบครอง​ที่ดินของราษฎรตามมาตรา 121 แห่ง พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า​ พ.ศ. 2562 ไว้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งจากการพูดคุยกับราษฎร​ในพื้นที่ก็พบว่า ราษฎรเองก็มีความเข้าและพึงพอใจกับการดำเนินการดังกล่าว จึงได้ร่วมกันลงลายมือชื่อในบันทึกการตรวจสอบร่วมกันไว้เป็นหลักฐาน

ทั้งนี้ ในพื้นที่ดังกล่าวหาก ส.ป.ก. ดำเนินการเพิกถอน​เอกสารสิทธิ​ ส.ป.ก.4-01 ที่ทับซ้อนภายในเขตป่าอนุรักษ์​ ราษฎร​ในพื้นที่ยังสามารถอยู่อาศัย​/ทำกินได้ตามวิถีปกติ ตามการสำรวจการครอบครองที่ดินตามมาตรา 121 แห่ง พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า​ พ.ศ. 2562​ และกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ไม่มีนโยบายที่จะเพิกถอน หรือยึดคืนพื้นที่ที่ราษฎรได้อยู่อาศัย / ทำกินภายในห้วงเวลาที่กำหนด นอกจากหากพบมีการซื้อ ขาย เปลี่ยนมือ ก็จะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป