ผบช.ภ.2 เตือน ! ระวังภัยอาชญากรข้ามชาติ แก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ชาวจีน หลอกลงทุนที่ดิน เหยื่อสูญเงิน 60 ล้าน ตามอายัดคืนได้แค่ 3 ล้าน เปิดยุทธการอรัญฯ 68 SEAL BORDER

เมื่อเวลา 15.00 น.วันที่ 28 มกราคม 2568 ที่ กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 2 (บก.สส.ภ.2) พล.ต.ท.ยิ่งยศเทพจำนงค์ ผบช.ภ.2 พล.ต.ต.อิทธิพร โพธิ์ทอง รอง.ผบช.ภ.2 พล.ต.ต.ธีระชัย ชำนาญหมอ ผบก.สส.ภ.2 แถลงข่าว ตร.บก.สส.ภ.2 ทลายเครือข่ายหลอกลงทุนออนไลน์ ตามนโยบาย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร ที่ให้ตร.ปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์
หลอกลวงพี่น้องประชาชน อาชญากรรมข้ามชาติอย่างเด็ดขาด พล.ต.ท.ยิ่งยศ กล่าวว่า “กรณีนี้เป็นการขยายผลจากการหลอกลวงออนไลน์ จนพบองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติขนาดใหญ่ มี “บอสชาวจีน” สั่งการ และรับผลประโยชน์ สามารถออกหมายจับเครือข่าย 33 ราย จับได้แล้ว 20 ราย โดยเป็นการหลอกลวง ลงทุนทางออนไลน์ โดยมิจฉาชีพจะทักแชตไลน์ขอซื้อที่ดิน ใน จว.เชียงใหม่ ทั้งที่ไม่มีการประกาศขาย และไม่มีที่ดินดังกล่าวอยู่เลย ในเคสนี้ มิจฉาชีพจะเข้ามาตีสนิทเศรษฐินี จว.ระยอง ลวงโหลดแอปพลิเคชันผ่านลิงก์ ชวนลงทุนเปิดร้านค้าในแอปฯ TikTok ที่ทำปลอมขึ้นมาล่อลวง ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่ไม่มีอยู่จริง เหยื่อสูญเงินเฉียด 60 ล้านบาท ตร.สืบสวนภ.2 ได้สืบสวนขยายผลพบเป็นองค์กรอาชญากรรม มี “บอสจีน” สั่งการ ได้หลักฐานหลอกเป็นขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงออนไลน์ จึงอยากจะเตือนภัย ไปถึงประชาชนให้รับทราบข้อมูล ในเรื่องการหลอกลวงลงทุนซื้อที่ดิน ต้องระมัดระวังตรวจสอบให้แน่ชัดเพราะเคสนี้ผู้ตกเป็นเหยื่อสูญเงินเกือบ 60 ล้านบาท ตร.กองสืบสวนภาค2 กลุ่มอาชญากรข้ามชาติชาวจีน กลุ่มนี้เมื่อได้เงินมาก็จะผ่องถ่ายเงินเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลสกุลดังผ่าน ผ่าน Orbix, Gulf Binance, BitKub มีผู้ตกเป็นเหยื่อแจ้งความออนไลน์แล้ว 1,009 ราย อายัดเงินคืนได้เบื้องต้นมากกว่า 3 ล้านบาท พล.ต.ท.ยิ่งยศ กล่าวอีกว่า ”กลลวงแก๊งมิจฉาชีพ แกล้งทักแชตมาตีสนิทชวนลงทุน ลวงโหลดแอปฯ ปลดล็อกแอปฯ เถื่อน ลวงเข้าแพลตฟอร์ม ทิพย์ ล่อให้ลงทุนขายของออนไลน์ทิพย์ ผู้เสียหายรายนี้ เข้าแจ้งความไว้ที่ สภ.ปลวกแดง จว.ระยอง ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2567 ว่าถูกหลอกลวงออนไลน์ โดยคนร้ายเข้ามาพูดคุยตั้งแต่ปลายเดือนกันยายน และช่วยลงทุนเรื่อยมาจนถึงช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน ด้วยกลอุบาย

ดังนี้
1.มิจฉาชีพทักมาทางไลน์ทำทีถามหาขอซื้อที่ดิน ทั้งที่ไม่มีอยู่จริงไม่เคยประกาศขาย
2.มิจฉาชีพพูดคุยตีสนิทก่อนชักชวนให้ลงทุน
3.หลอกให้โหลดแอปฯ ชื่อ Testflight ผ่านแอปสโตร์ (มีข้อมูลเบื้องต้นว่าแอปฯ นี้อาจเป็นแอปฯ เพื่อปลดล็อกการ
โหลดแอปฯ เถื่อน หรือแอปฯอันตรายของโทรศัพท์มือถือที่ใช้ระบบปฏิบัติการ IOS) แล้วส่งลิงก์ให้ดาวน์โหลดแอปฯ ผ่าน
เว็บไซต์ ที่อ้างว่าแพลตฟอร์มร้านขายของใน TikTok ให้สมัครลงทะเบียนกรอกข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อใช้งานเปิดร้านค้าออนไลน์
4.มิจฉาชีพอ้างว่าแพลตฟอร์มนี้ขายสินค้าแบบไม่ต้องมีสต๊อก แค่โพสต์ขายก็ได้เงิน อ้างว่าเมื่อมียอดที่ลูกค้าสั่งซื้อ
ก็ให้โอนเงินลงทุน 90% ของยอดสั่งซื้อ เมื่อสินค้าถึงมือลูกค้าจะได้กำไรจากส่วนต่าง 10% โดยลวงว่ามียอดสั่งซื้อเข้ามาตลอด
ให้เหยื่อทำกิจกรรมโอนเงินเพิ่มเรื่อย ๆ รวม 42 ครั้ง ผ่าน 36 บัญชี รวมเป็นเงินกว่า 59,860,000 บาท
5.หลอกให้ตายใจโดยได้รับผลตอบแทนคืนมา 5 ครั้งในระยะแรก ยอดเงินรวมไม่ถึง 1 ล้านบาท ก่อนคนร้ายออกอุบาย
ให้ทำกิจกรรมลงทุนเพิ่ม และโอนเงินเพิ่มเพื่อรับโบนัส โดยเหยื่อโอนเงินไปเรื่อย
6.สุดท้ายถอนเงินคืนไม่ได้ เสียทั้งต้นทุน และกำไร
โดยคำสั่ง “บอสจีน” จะให้สาวแก๊งบัญชีม้า “ม้ากดเงิน” ที่ถูกจับเพราะยอดโอนเกิน จากการสืบสวนพบเครือข่ายนี้มีบัญชีม้า 2 แถว บัญชีม้าแถวแรกโอนต่อให้บัญชีม้าแถวที่ 2
แล้วโอนไปยังแพลตฟอร์มสินทรัพย์ดิจิทัล เช่น Orbix, Gulf Binance, BitKub ซื้อเหรียญประเภท USDT แล้วโอนต่อไปยัง
กระเป๋าเงินดิจิทัลของเครือข่ายจนหมด โดยตร.ได้ สอบสวนออกหมายจับบัญชีม้าแถวแรก 31 ราย จับกุมได้แล้ว 20 คน และ
ออกหมายจับ “ม้ากดเงิน” หรือพนักงานกดเอทีเอ็ม 2 คน จับได้แล้ว 1 คน และสืบสวนพบบัญชีม้าแถวที่ 2 จำนวน 51 บัญชี
พล.ต.ทำ.ยิ่งยศ กล่าวเพิ่มอีกว่า “จากการสืบสวนเกาะติดเส้นเงินของเครือข่ายนี้ ตำรวจภูธรภาค 2 สามารถจับกุม นางสาวพร
อายุ 23 ปี เป็นบุคคลบนพื้นที่สูง ทำหน้าที่ ม้ากดเงินขณะข้ามแดนจากเมืองปอยเปต ประเทศกัมพูชา มากดเงินที่ตู้เอทีเอ็ม บริเวณตลาดโรงเกลือ อ.อรัญประเทศ จว.สระแก้ว สอบสวนทราบว่าได้รับคำสั่งให้มากดเงินนำไปให้ “บอสชาวจีน” เนื่องจาก
มีเงินค้างในบัญชีม้า สาเหตุจากการจำกัดวงเงินโอน ทำให้โอนได้ไม่เกินวันละ 5 ล้านบาท แต่มียอดโอนเข้ามาเกิน จึงต้องข้าม
แดนมากดเงินสดออกไปให้หมด จากการสอบสวนบัญชีม้าที่จับได้ทำให้ได้หลักฐานขององค์กรอาชญากรรมกลุ่มนี้ พบว่า
แก๊งคอลเซ็นเตอร์แก๊งนี้ แบ่งออฟฟิศเป็น 2 ส่วน คือ 1.ออฟฟิศหลอกลวง 2.ออฟฟิศสแกนหน้าบัญชีม้า ซึ่งออฟฟิศหลอกลวง
ตั้งอยู่ฝั่งปอยเปตเป็นตึกปิดตาย อาทิ ตึก 25 ชั้น, ตึก 18 ชั้น และตึก Hiso ส่วนออฟฟิศสแกนหน้าที่อยู่ด้านในตึก จะทำหน้าที่
บริหารบัญชีม้า จัดหาบัญชีม้า เปิดบัญชีคริปโทเคอร์เรนซี รับโอนเงินจากการหลอกลวง โอนเงินจากบัญชีม้าแปลงเป็นเหรียญ
ดิจิทัล

“ออฟฟิศสแกนใบหน้าแบ่งออกเป็นสัดส่วน เช่น บริเวณพักคอย, ที่พักรอเรียกสแกนหน้าและบริเวณที่นอนซึ่งบัญชีม้า
จะต้องมานอนรวมกันเพื่อรอเรียกไปสแกนหน้า บัญชีม้าเหล่านี้จะถูกขบวนการพาข้ามแดนผ่านช่องทางธรรมชาติไปอยู่ใน
ความควบคุมในออฟฟิศสแกนหน้า ซึ่งหากไม่มีบัญชีม้าข้ามไปสแกนหน้า แก๊งคอลเซ็นเตอร์ก็จะไม่สามารถดำเนินกิจการได้
และจากการที่ตร.ภ.2 ร่วมกับหน่วยที่เกี่ยวข้องกดดัน สกัดการลักลอบข้ามแดนชายแดนจังหวัดสระแก้วอย่างหนัก
ในช่วงนี้ ทำให้เครือข่ายนี้หลบเลี่ยงไปใช้เส้นทางอื่น และจากการติดตามจับกุมบัญชีม้าแก๊งนี้พบว่ายังมีออฟฟิศบัญชีม้าอยู่ใน
พื้นที่ คิงส์โรมัน สปป.ลาว ตรงข้ามสามเหลี่ยมทองคำ อ.เชียงแสน จว.เชียงราย อีกแห่งหนึ่งด้วย มีทั้งออฟฟิศหลอกลวง และ
ออฟฟิศสแกนใบหน้า” จากการตรวจสอบฐานข้อมูลของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พบบัญชีม้าในกรณีนี้ เชื่อมโยงกับคดีอื่นๆ จำนวน 1,009 เคสไอดี โดยรูปแบบคล้ายคลึงกันคือสุดท้ายโอนไปซื้อสินทรัพย์ดิจิทัล อย่างไรก็ตามสำหรับกรณีเหยื่อรายนี้
จากการดำเนินการที่รวดเร็วสามารถอายัดเงินในบัญชีม้าที่ผู้เสียหายโอนเงินไปได้ จำนวน 3,184,223.91 บาท ซึ่งจะได้
ประสานงานกับสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน เพื่อดำเนินการคืนเงินให้กับผู้เสียหายต่อไป
พล.ต.ท.ยิ่งยศฯ กล่าวย้ำว่า ได้เร่งรัดขยายผลติดตามจับกุมดำเนินคดีกับเครือข่ายและผู้เกี่ยวข้องต่อไป และขอให้คน
ไทยที่คิดจะเข้าไปมีส่วนร่วมกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จะมีความผิดตามกฎหมาย นอกจากความผิดเรื่องคอลเซ็นเตอร์แล้วยังมี
ความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน ด้วยการหลอกประชาชนทั่วไป โดยแสดงข้อความเท็จหรือปกปิดความจริงเพื่อเอาทรัพย์สินคน
อื่น ซึ่งอัตราโทษ จำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ, ความผิดฐานฟอกเงิน อัตราโทษ จําคุก
ตั้งแต่ 1 ปีถึง 10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 20,000 บาทถึง 200,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ และอาจเป็นความผิดฐานมีส่วนร่วม
องค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ต้องระวางโทษจําคุกตั้งแต่ 4 ปีถึง 15 ปี หรือปรับตั้งแต่ 80,000 บาทถึง 300,000 บาท หรือทั้ง
จําทั้งปรับ
ทั้งนี้ ตร.ภ.2มีแผนอรัญฯ 68 SEAL BORDER เพื่อสกัดกั้น
แก๊งคอลเซ็นเตอร์ตามแนวชายแดน โดย บก.สส.ภ.2 ได้ส่งชุดปฏิบัติการพิเศษบูรพา 491 และชุดสืบสวนลงไปอยู่ในพื้นที่
จว.สระแก้ว ซึ่งอยู่ติดกับประเทศเพื่อนบ้านที่เป็นฐานปฏิบัติการของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยให้อยู่ประสานงานร่วมมือกับทุกภาค
ส่วน ตั้งจุดตรวจ จุดสกัด ตรวจค้นบุคคลและยานพาหนะต้องสงสัย ตรวจค้นบ้านของผู้มีพฤติการณ์ที่เกี่ยวข้องกับนำพาคนข้าม
แดน สืบสวนสอบสวนขยายผลทุกกรณี
“ชุดปฏิบัติการพิเศษบูรพา 491 กก.ปพ.บก.สส.ภ.2 มีการบูรณาการร่วมกับ ชุดสืบสวนของ บก.สส.ภ.2,
กก.สส.ภ.จว.สระแก้ว, ทหารพราน, ตำรวจตระเวนชายแดน, ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง, ตำรวจท่องเที่ยว, ตำรวจพื้นที่ และฝ่าย
ปกครอง ผู้นำชุมชน ระหว่างวันที่ 1-25 มกราคม 2568 ที่ผ่านมา มีผลการปฏิบัติ ดังนี้ 1. ขอหมายค้นตรวจค้นบ้านเป้าหมาย
ขบวนการนำพาข้ามแดน 10 เป้าหมาย 2. สุ่มตรวจรถยนต์ต้องสงสัยและบุคคลต้องสงสัยบริเวณหน้าด่านพรมแดนคลองลึก
ร่วมกับ สภ.คลองลึก และทหารพราน ตรวจค้นรถยนต์ 101 คัน บุคคลต้องสงสัย 121 คน พบมีข้อมูลเกี่ยวข้องเว็บพนัน 26
ราย 3. ออกตรวจร่วมกับทหารพราน, ตชด., กก.สส.ภ.จว.สระแก้ว, สภ.ในพื้นที่ และผู้นำชุมชน บริเวณเส้นทางและจุด
ช่องทางธรรมชาติตามแนวตะเข็บชายแดน จำนวน 26 ครั้ง ฯลฯ ผลการจับกุมความผิดอื่น ๆ ลักลอบเข้า-ออกราชอาณาจักร
ไทย จำนวน 1 ราย ในข้อหา มีไว้เพื่อขายซึ่งสินค้าที่มิได้เสียภาษีและมีไว้ในครอบครองซึ่งสินค้าที่มิได้เสียภาษี

ข่าวชลบุรี
นายธนา ธรรมวาจา
น.ส.เจียรพรรณ สุรนันท์