ไทย-เมียนมาจับมือ! ผบ.ฉก.ลาดหญ้า ประสานทหารเมียนมา ลุยปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ตรึงชายแดน 24 ชั่วโมง

กาญจนบุรี – ผบ.ฉก.ลาดหญ้า กกล.สุรสีห์ หารือกองทัพเมียนมา สร้างความร่วมมือป้องกันอาชญากรรมข้ามชาติ เร่งปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ พร้อมตรวจแนวชายแดน-มอบขวัญกำลังใจทหารปฏิบัติภารกิจตลอด 24 ชั่วโมง

เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2568 พันเอก พรรณศักย์ เพรียวพานิช ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 29 และ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า กองกำลังสุรสีห์ ได้พบปะหารือกับ พันเอก นารุย (อดีต ผบ.ควบคุมทางยุทธศาสตร์ที่ 1), พันเอก อ่อง เฮย (ผบ.คนใหม่) และ พันโท เมียวตานโทน (ผบ.พัน ร.25) ที่ จุดตรวจช่องทางพุน้ำร้อน ต.บ้านเก่า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี เพื่อประสานความร่วมมือด้านความมั่นคงและแก้ไขปัญหาตามแนวชายแดน โดยเฉพาะ การปราบปรามขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่ลักลอบใช้พื้นที่ชายแดนเป็นฐานปฏิบัติการ เข้มมาตรการ “Seal Stop Safe” สกัดอาชญากรรมข้ามชาติ พันเอก พรรณศักย์ เปิดเผยว่า การหารือครั้งนี้มีขึ้นหลังจากกองทัพเมียนมามีการเปลี่ยนแปลงผู้บังคับบัญชาในพื้นที่ชายแดน จึงจำเป็นต้องกระชับความสัมพันธ์และสร้างความร่วมมือเพื่อความมั่นคงของทั้งสองประเทศ

รัฐบาลไทยได้มอบหมายให้หน่วยงานความมั่นคงใช้มาตรการ “Seal Stop Safe” หรือ “ซีลชายแดนสองชั้น” เพื่อป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนไทย

ทั้งนี้ หน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้าได้จัดตั้ง Line Group และ Hotline สายด่วน เพื่อประสานงานระหว่างฝ่ายไทยและเมียนมาโดยตรง ทำให้สามารถรับมือกับปัญหาได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

 

ภายหลังเสร็จสิ้นการหารือ ผบ.ฉก.ลาดหญ้า ได้เดินทางลงพื้นที่แนวชายแดนเพื่อตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานของกำลังพล พร้อมรับฟังรายงานสถานการณ์และเน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาลและกองทัพบกอย่างเข้มงวด โดยจุดที่ลงตรวจเยี่ยม ได้แก่ จุดตรวจช่องทางพุน้ำร้อน ต.บ้านเก่า อ.เมือง ,ศูนย์ประสาน กองพลทหารราบที่ 9 กกล.สุรสีห์ ,ฐานปฏิบัติการช่องทางอัมรา บ.ใหม่ห้วยน้ำขาว , ฐานปฏิบัติการช่องทางพุม่วง บ.หินสีพัฒนา อ.ด่านมะขามเตี้ย

นอกจากนี้ ยังได้มอบสิ่งของอุปโภคบริโภคแก่กำลังพลเพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ตรึงชายแดน ตลอด 24 ชั่วโมง การจับมือกันระหว่างไทยและเมียนมาในครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญในการ เสริมสร้างความมั่นคงชายแดน ป้องกันการลักลอบผิดกฎหมาย และปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติอย่างจริงจัง เพื่อความปลอดภัยของประชาชนและเสถียรภาพของทั้งสองประเทศ