สืบศรีราชา บุกจับคนร้ายลักเงินตู้หยอดเหรียญร้านสะดวกซักวงจรปิดเจ้าของร้านใช้ไม้กวาดไล่ตีกระเจิง

จากกรณีเมื่อวันที่ 10 มกราคม 2568 สองคนร้ายเข้ามาก่อเหตุลักเงินในตู้หยอดเหรียญของเครื่องซักผ้าภายในร้าน แฮปปี้วอช สะดวกซัก 24 ชม. ตั้งอยู่ริมถนนศรีราชา-หนองยายบู่ หมู่ 8 ต.สุรศักดิ์ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี แต่สองสามีภรรยาเจ้าของร้านเห็นจากกล้องวงจรปิด จึงออกมาใช้ไม้กวาดไล่ตี สูญเงินไปประมาณ 1 หมื่นบาท โดยมีกล้องวงจรปิดสามารถจับภาพพฤติกรรมของ 2 คนร้ายไว้ได้นั้น

ล่าสุดวันนี้ (21 กุมภาพันธ์ 2568) พ.ต.ท.พิสิทธิ์ ตั้งศิริเสถียร รอง ผกก.สส.ฯ พ.ต.ท.จิรัฏฐ์ ปานคง สว.สสฯ , ร.ต.ต.สงบ คำศรีจันทร์ รอง สว.สส.ฯ พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน และ พ.ต.ท.ชนินทร์ ธรรมศานสิบูรณ์ สว. (สอบสวน) สภ.ศรีราชา นำกำลังพร้อมหมายจับศาลจังหวัดชลบุรี ที่ 89/2568 ลง 17 กุมภาพันธ์ 2568 เข้าทำการควบคุมตัว นายพยุงศักดิ์ หรือหน่อย พลหนุ่ย อายุ 39 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ที่บริเวณห้องพักภายในชุมชนเขาแตงอ่อน หมู่ 1 ตำบลสุรศักดิ์ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ที่ผู้ต้องหามาพักอาศัยและหลบซ่อนตัวอยู่ หลังจากก่อเหตุลักทรัพย์ตู้หยอดเหรียญร้านสะดวกซัก 24 ชั่วโมง โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แสดงตัวและอ่านข้อกล่าวหา ซึ่งผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ ก่อนนำตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพยังที่เกิดเหตุ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้พา นายพยุงศักดิ์ ไปที่ร้านสะดวกซักก่อนให้ชี้จุดเกิดเหตุบริเวณต่าง ๆ พร้อมทั้งให้การว่าเงินที่ได้มานั้นแบ่งให้เพื่อนคนละครึ่งก่อนจะหลบหนีไป และเงินที่ได้นำไปใช้จ่ายส่วนตัวจนหมดแล้ว โดยมี นางสาวณัฐณิชา นาคแก้ว เจ้าของร้านและสามี มายืนดูการทำแผนอย่างใกล้ชิด

ด้าน นางสาวณัฐณิชา นาคแก้ว เจ้าของร้านเปิดเผยว่า ตนเองรู้สึกดีใจและขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจที่สามารถติดตามจับกุมตัวคนร้ายรายนี้มาดำเนินคดีได้เป็นผลสำเร็จ ซึ่งหลังจากเกิดเหตุตนเองก็ทำการแก้ไขปรับปรุงตู้หยอดเหรียญใหม่ให้คนร้ายไม่สามารถงัดเงินในตู้ได้อีก ซึ่งถ้าคนร้ายกลับมาอีก คงงัดตู้ยากกว่าเดิม จึงอยากฝากเจ้าของกิจการลักษณะนี้ว่า ให้ทำตู้มิดชิดหรือฝังลงไปในกำแพง ซึ่งจะทำให้คนร้ายก่อเหตุยากขึ้นกว่าเดิม

ทางด้านผู้ร่วมก่อเหตุอีกคนตอนนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจรู้ตัวแล้ว และกำลังจะออกหมายจับ และติดตามนำตัวมาดำเนินคดีต่อไปด้วย ซึ่งหลังจากนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวผู้ต้องหาไปดำเนินคดีในข้อหาหา “กระทำความผิดฐาน ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองทรัพย์หรือโดยผ่านสิ่งเช่นว่านั้นเข้าไปด้วยประการใดๆ โดยมอมหน้าหรือทำด้วยประการอื่นเพื่อไม่ให้เห็นหรือจำหน้าได้ โดยมีอาวุธหรือโดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พันจากการจับกุม” ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป