ฉะเชิงเทรา เจ้าอาวาส เผย อยากให้สังคมให้โอกาสพ่อแม่เด็กพร้อมตั้งชื่อให้ ว่า “น้องมีบุญ”

จากเหตุการณ์ที่กล้องวงจรปิดบริเวณซุ้มทางเข้าวัดสมานรัตนาราม ต.บางแก้ว อ.เมืองฉะเชิงเทรา ที่บันทึกภาพเหตุการณ์ได้ช่วงเวลา 02.22 น. คืนวันที่ 25 ก.พ. 68 โดยในภาพมีรถยนต์กระบะมิชูบิชิ ไทรตัน 4 ประตูสีขาวมาจอด ก่อนที่คนนั่งเป็นหญิงสาวสวมเสื้อสีเหลือง กางเกงขาสั้นสีขาว จะอุ้มเด็กน้อยนำมาวางทิ้งไว้ หลังท้าวเวสสุวรรณ ก่อนจะขับรถออกไป ซึ่งหลังรถยนต์ขับออกไปแล้ว มีสุนัขจรที่อยู่บริเวณนั้น เดินเข้าไปดมและดู สิ่งที่หญิงสาวรายดังกล่าวได้วางไว้ โดยเพจวัดสมานรัตนารามได้แจ้งข่าว ระบุว่า “มีคนเอาเด็กผู้ชาย พึ่งเกิด มาทิ้งไว้ตรง ซุ้มประตูหน้าวัดสมานรัตนาราม มีคนมาพบเมื่อตอน ตี5.45 นาที เช้าวันนี้” สร้างความหดหู่ใจให้กับผู้พบเห็นเหตุการณ์เป็นอย่างมาก ก่อนช่วงเย็นของวันเดียวกัน เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.เมืองฉะเชิงเทรา สืบทราบว่าพ่อแม่เด็กคือใคร ก่อนตามไปควบคุมตัวได้ที่ห้องเช่าแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ตำบลสนามจันทร์ อำเภอบ้านโพธิ์ ฉะเชิงเทรา นำกลับมาสืบสวนก่อนส่งต่อพนักงานสอบสวน

ล่าสุดช่วงสายวันนี้ (26 ก.พ. 68) ที่บริเวณซุ้มประตูทางเข้าวัดสมานรัตนาราม ต.บางแก้ว อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา พระราชวชิรประชานาถ เจ้าคณะจังหวัดฉะเชิงเทรา (ธรรมยุต) เจ้าอาวาสวัดสมานรัตนาราม เดินทางออกมากราบไหว้ 2 ท้าวเวสสุวรรณ ที่ตั้งอยู่หน้าซุ้มทางเข้าวัด ก่อนเปิดเผยว่า ตอนนี้น้องมีบุญอยู่ในความดูแลตามขั้นตอนของบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดฉะเชิงเทรา แต่ยังคงพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลพุทธโสธร คาดว่าอีก 2-3 วันน่าจะออกจากโรงพยาบาลได้ ซึ่งเมื่อวานนี้ ตายายของน้องมีบุญ ได้เดินทางมาที่วัดเพื่อคุยกัน ซึ่งตายายที่เพิ่งทราบข่าวก็รีบเดินทางมา พร้อมแสดงเจตนารมณ์ว่าต้องการรับหลานกลับไปดูแล เรื่องนี้ได้มีการพูดคุยกันและตกลงกันว่า จะเป็นผู้ปกครองร่วม ระหว่างตัวเจ้าอาวาสและพ่อแม่ของเด็ก เพราะได้กำชับตายายของเด็กไปว่า หากขาดเหลืออะไรหรือดูแลไม่ไหว ให้นึกถึงเจ้าอาวาสเป็นคนแรกในการช่วยเหลือ และวัดเองจะเข้าไปดูแลทุกเรื่องและสอดส่องเรื่องความเป็นอยู่ของน้องมีบุญตลอดไป
ส่วนประเด็นกระแสข่าวที่ พ่อแม่ของน้องมีบุญ จะถูกไล่ออกจากงานนั้น ตนเองอยากให้สังคมและนายจ้างให้โอกาส พ่อแม่ของเด็ก หากไล่ออกจากงานแล้ว หรือพ่อแม่เด็กไปหาสมัครงานใหม่ แล้วไม่มีคนรับ ภาระต่างๆ จะตกไปอยู่กับครอบครัวนี้เป็นอย่างมาก อยากให้สังคมให้โอกาสและเปิดใจ อย่าเอาสะใจ เพราะผลกรรมตามการกระทำจะมาตกที่น้องมีบุญ ตนเองก็ยังมองว่า พ่อแม่เด็กยังพอมีความรับผิดชอบอยู่บ้าง โดยแม่เด็กตั้งท้องมา 9 เดือน จนคลอด น้องมีบุญออกมา แต่ด้วยความตกใจทำอะไรไม่ถูก จึงนำมาวางทิ้งไว้ ซึ่งตนเองมีความเชื่อว่า ท้าวเวสสุวรรณ บริเวณจุดนี้ศักดิ์สิทธิ์ ดลใจให้พ่อแม่เด็กมาวางไว้ด้านหลังตรงนี้ ซึ่งมีคนพลุกพล่าน หากพ่อแม่เด็กคิดไม่ดี ตัดสินใจผิดพลาด หัวท้ายถนนนี้ เป็นสะพานข้ามเขื่อนทดน้ำบางปะกง ก็อาจเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นได้ แต่พ่อแม่เด็กยังตัดสินใจวางไว้ตรงนี้ เพื่อให้น้องมีบุญได้มีชีวิตอยู่ต่อไป จึงอยากให้สังคมเปิดโอกาสและให้โอกาส พ่อแม่ น้องมีบุญ

พระราชวชิรประชานาถ เปิดเผยต่อว่า ตอนแรกยังไม่รู้ว่าพ่อแม่เด็กคือใคร เลยตั้งชื่อจริงให้ว่า รชต และใช้นามสกุลตนเอง คือมหาวิริโยทัย แต่พอดูแล้วน้องเกิดวันอังคารไม่ใช่วันจันทร์ ประกอบตามพ่อแม่เด็ดเจอ จึงตั้งชื่อจริง น้องมีบุญว่า ด.ช. พชร สีหล้า ซึ่ง พชร ที่แปลว่า เพชร และให้ตาของน้องมีบุญ ไปแจ้งจดชื่อที่อำเภอในวันนี้
ขณะที่ในสวนของคดีความ จากการเปิดเผยของ ร.ต.ท.ณวัฐปกรณ์ คุณัชญาศิรัณ รอง.สว.(สอบสวน) สภ.เมืองฉะเชิงเทรา เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ได้ทำการสอบสวน พ่อของเด็ก และได้แจ้งข้อกล่าวหาว่า ผู้ใดทอดทิ้งเด็กอายุยังไม่เกิน 9 ปีไว้ ณ ที่ใด เพื่อให้เด็กนั้นพ้นไปเสียจากตน โดยประการที่ทำให้เด็กนั้นปราศจากผู้ดูแล ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ก่อนจะปล่อยตัวไป ส่วนแม่เด็กหลังออกจากโรงพยาบาลแล้ว จะแจ้งข้อหาเดียวกัน เพื่อดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป

อาษา/ปรีญาภรณ์ จันทร์พิทักษ์ ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดฉะเชิงเทรา