คุณทวดวัย 105 ปี ยืนยาว 5 แผ่นดิน ยังแข็งแรง เดินอย่างคล่องแคล่ว วันละ 2 กิโล

วันที่ 4 มิ.ย. 2568 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่บ้านเลขที่ 18 หมู่ 3 บ้านหนองเกียบ ต.นาท่ามใต้ อ.เมือง จ.ตรัง ซึ่งเป็นบ้านโบราณครึ่งปูนครึ่งไม้ ฝาผนังหล่อด้วยคอนกรีตอายุหลายร้อยปี ซึ่งเป็นของคุณทวดจาย เพชรอินทร์ อายุ 105 ปี เกิดในปี พ.ศ.2464 หรือในรัชการที่ 6 ซึ่งถือเป็นคุณทวดอายุยืนยาว 5 แผ่นดิน และยังมีสุขภาพที่แข็งแรงเป็นอย่างมาก โดยบ้านหลังดังกล่าวทวดอาศัยอยู่กับบรรดาลูกๆ หลานๆ ที่ต่างคอยแวะเวียนสลับกันเข้ามาดูแลอยู่ตลอดเวลา โดยคุณทวดจายมีสามีชื่อนายเกลือม ทองรักษ์ ซึ่งได้เสียชีวิตไปเมื่อ พ.ศ.2561 หรือ 7 ปีที่ผ่านมา ซึ่งขณะเสียชีวิตมีอายุ 98 ปี โดยมีบุตรด้วยกันทั้งหมด 7 คน เป็นผู้หญิง 5 คน ผู้ชาย 2 คน แต่เสียชีวิตไปแล้วจำนวน 3 คน โดยเป็นผู้หญิง 2 คน และผู้ชาย 1 คน ส่วนคุณทวดมีหลานทั้งหมดมากถึง 11 คน ซึ่งลูกคนโตของคุณทวดก็มีอายุปัจจุบันนี้ประมาณ 70 ปีแล้ว

ผู้สื่อข่าวเดินทางไปพร้อมด้วย นายปิยภัทร สุดศิริ หรืออาจารย์เณรดอย อายุ 37 ปี ฆราวาสไสยเวท และผู้คร่ำหวอดในวงการไสยเวทชื่อดัง ซึ่งอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเดียวกันกับคุณทวด และเป็นผู้นำเรื่องราวของคุณทวดมาเผยแพร่ในโซเซียลมีเดีย เมื่อเดินทางไปถึงหน้าบ้านคุณทวดได้ลุกขึ้นมาจากเก้าอี้ เดินออกมาต้อนรับด้วยหน้าตาที่ยิ้มแย้มและดีใจ พร้อมกับหอมแก้มทั้งทั้งซ้ายทั้งขวาของนายปิยภัทร และผู้สื่อข่าว ก่อนจะจับมืออวยพรว่า “นึกสิ่งใดขอให้ได้สิ่งนั้น อย่าให้มีอุปสรรคขัดข้อง อยู่ให้สบาย อย่าได้เจ็บได้ไข้” ซึ่งสื่อให้เห็นถึงความเมตตาเป็นอย่างมาก ก่อนจะนั่งพูดคุยกับคุณทวดด้วยความอบอุ่น แต่เนื่องจากคุณทวดมีปัญหาในการได้ยิน จะต้องพูดเสียงดังถึงจะได้ยิน ซึ่งสามารถพูดโต้ตอบกันได้ แต่มีอาการหลงลืมบางเป็นครั้งคราวตามอายุที่มาก และมีเพียงโรคประจำตัวเพียงความดันโลหิตเท่านั้นตาช่วงวัย ซึ่งเมื่อนายปิยภัทร สอบถามคุณทวดว่าคุณทวดมีอายุกี่แล้ว คุณทวดกลับตอบติดตลกว่าอายุ 70 ปีแล้ว ทั้งๆที่คุณทวดมีอายุมากถึง 105 ปี พร้อมทั้งบอกว่า 70 ปียังไม่แก่ และเมื่อสอบถามว่าสุขภาพเป็นยังไง คุณทวดบอกว่า ไม่เจ็บปวดตรงไหน สบายดี และบรรดาลูกหลานได้นำภาพในอดีตของคุณทวดมาให้ชมอีกดด้วย ทั้งนี้คุณทวดยังคงโชว์ กวาดขยะภายในบ้านได้อย่างคล่องแคล่ว ก่อนจะรับประทานข้าวมื้อเที่ยง โดยมีมีกับข้าวเป็นต้มหมูเปื่อย ซึ่งเป็นเมนูที่คุณทวดชื่นชอบและโปรดปรานเป็นอย่างมาก อีกทั้งคุณทวดยังคงเดินเท้าอยู่ภายในหมู่บ้านในแต่ละวันอย่างคล่องแคล่วไม่ต่ำกว่า 1-2 กิโลเมตรอีกด้วย

นายปิยภัทร สุดศิริ หรืออาจารย์เณรดอย อายุ 37 ปี บอกว่า คุณทวด เกิดจริงๆในรัชกาลที่ 6 ประมาณปี พ.ศ. 2463 โดยประมาณ เท่ากับอายุ 105 ปี แต่ในบัตรประชาชนจะระบุปีเกิดในประมาณ ปีพ.ศ.2465 อายุ 103 ปี เนื่องจากการแจ้งเกิดในสมัยอดีตมักจะแจ้งเกิดช้า อย่างน้อยจะต้องอายุถึง 4-5 ขวบ ถึงจะมีการแจ้งเกิด โดยมาจากหลากหลายสาเหตุไม่ว่าจะเป็น ความคิดที่ว่าจะต้องอยู่ให้รอดก่อน ถึงจะแจ้งเกิด หรือจะต้องเข้าโรงเรียนแล้วไปแจ้งเกิด ในทุกเช้าคุณทวดจะต้องเดินไปซื้ออาหารเช้าที่ร้านค้าภายในหมู่บ้านระยะทางไปกลับประมาณ 1-2 กิโลเมตรในทุกๆเช้า รวมทั้งจะเดินเล่นอยู่ภายในหมู่บ้านหรือแวะเยี่ยมบ้านคนนั้นคนนี้ในทุกๆวันอีกด้วย ซึ่งบรรดาลูกหลานก็มีการห้ามปรามเพราะกลัวว่าจะเกิดอุบัติเหตุเดินล้มลงหรือเป็นลมเป็นแล้ง แต่คุณยายก็ยังชอบที่จะเดิน บางครั้งผู้คนในหมู่บ้านเห็นคุณทวดเดินอยู่ด้วยความเป็นห่วงก็อยากจะขับรถพามาส่งบ้าน แต่คุณยายก็ไม่ยอมขึ้นรถ ยอมที่จะเดินด้วยตัวเอง และบางวันคุณทวดก็ยังคงใช้จอบถากหญ้าข้างบ้าน หรือกวาดบ้าน อยู่เป็นประจำ ส่วนตัวตนเป็นคนในหมู่บ้านแห่งนี้เติบโตมาเท่าที่จำความได้ก็พบเห็นคุณทวดอยู่แล้ว ตนเกิดมาก็เห็นคุณทวดแก่ชราอยู่ อุปนิสัยของคุณทวดเป็นคนที่น่ารักมาก อารมณ์ดีร่าเริงเห็นเด็กหรือคนที่มีอายุน้อยกว่าไม่ได้ จะต้องจับแก้มหอมแก้มและอวยพรให้ มีความโชคดีในชีวิตอยู่เสมอ แม้คนอายุ 50-60 ปีแล้ว คุณทวดก็ยังมองว่าเป็นเด็กในสายตาเสมอ ส่วนเรื่องการหลงลืม ก็มีบ้างเป็นเรื่องปกติในช่วงอายุ 105 ปี แต่สายตาดียังคงมองเห็นชัดเจน ยังอ่านหนังสือได้ทำอะไรด้วยตัวเองได้ทั้งหมด จริงๆแล้วหมู่บ้านหนองเกียบ จะมีคนอายุยืนยาวเยอะ ระหว่าง 80-90 ปีค่อนข้างเยอะ ภายหลังหลังจากที่ตนได้นำเรื่องราวของคุณทวด ไปเผยแพร่ในโซเชียลมีเดียไม่ว่าจะเป็นทาง Facebook หรือ TikTok เพียงแค่คลิปวิดีโอเดียว กลับกลายว่ามีคนติดตามคุณทวดเป็นจำนวนมาก โดยคิดเพียงว่าลงแค่สนุกๆ เนื่องจากพบเห็นคุณทวดเดินอยู่ภายในหมู่บ้านทุกวัน กลับกลายเป็นว่ามีคนอวยพรให้คุณทวดอายุยืนยาวกว่านี้ หลังจากนี้ก็จะลงคลิปของคุณทวด เรื่อยๆ เนื่องจากเป็นคนที่น่ารัก และอยากให้ผู้คนได้รับรู้ว่าคุณทวดซึ่งเป็นคนในยุคโบราณ ใช้ชีวิต หรือกินอาหาร กันแบบไหน แม้แต่การเดินคุณทวดก็ยังไม่สวมรองเท้า เนื่องจากคนสมัยก่อนมักจะไม่ค่อยสวมรองเท้าโดยเชื่อว่า การเดิน เท้าเปล่า เป็นการนวดเท้า เนื่องจากฝ่าเท้ามีเส้นประสาท จะทำให้แข็งแรง ด้าน นายวินัย จิตตรา อายุ 63 ปี ซึ่งเป็นเพื่อนบ้าน บอกว่า ตอนนี้ตนอายุ 63 ปีแล้ว มีบ้านอยู่ฝั่งตรงข้ามกับคุณทวด เห็นคุณทวดมาตั้งแต่เกิด ตั้งแต่จำความได้ ซึ่งตอนนั้นคุณทวดก็อายุมากแล้ว ในแต่ละวันคุณทวดจะเดินหลายกิโลมาก ไม่ว่าจะเดินมาแวะบ้านคนโน้นคนนี้คนนั้น วันนึ่งๆ ก็ 1-2 กิโลเมตร ถ้ามองถึงเรื่องสุขภาพอายุรุ่นนี้แล้ว ยังถือว่าแข็งแรงเป็นอย่างมาก เพียงแค่หูไม่ค่อยได้ยินและหลงลืมบ้างเป็นบางเรื่อง เนื่องจากอายุที่มาก ส่วนนิสัยเป็นคนที่ร่าเริงมาก ยิ้มสนุกหัวเราะทั้งวัน ตนส่วนใหญ่ก็จะชอบหยอกและพูดเล่นกับคุณทวดอยู่บ่อยครั้ง.

ทรงวุฒิ นาคพล / จ.ตรัง