น้องข้าวหอม วัย 14 รับจ๊อบช่วยพ่อเพาะนกกรงหัวจุกขายรายได้หลักหมื่นต่อเดือน

วันที่ 6 มิ.ย. 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บ้านเลขที่ 199/4 หมู่ที่ 8 ต.หาดสำราญ อ.หาดสำราญ จ.ตรัง พบน้องข้าวหอม หรือ ด.ญ.ฉัตรปวี ปราบเสร็จ อายุ 14 ปี นักเรียนชั้นม.2 โรงเรียนแห่งหนึ่งในอำเภอเมืองตรัง กำลังป้อนอาหารให้กับลูกนกปรอทหัวโขนหรือนกกรงหัวจุกตั้งแต่แรกเกิดจนถึงอายุ 45 วัน หรือจนกว่านกจะกินอาหารได้เอง โดยรับจ้างเป็นผู้ช่วยให้กับคุณพ่อ ทำหน้าที่ป้อนอาหารให้ลูกนกมาตั้งแต่เรียนอยู่ชั้น ป. 5 เพื่อใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ ห่างหน้าจอโทรศัพท์มือถือ ห่างเกมและได้ช่วยพ่อแม่แบ่งเบาภาระหน้าที่ โดยป้อนอาหารในช่วงวันหยุดวันละ 6 เวลาหรือ 2 ชั่วโมงต่อครั้ง แต่หากเป็นวันเปิดเรียนจะป้อนเฉพาะช่วงเช้าและหลังเลิกเรียน น้องข้าวหอมได้ค่าจ้างเป็นเงินจำนวน 1,800 บาทต่อเดือน ทำให้น้องข้าวหอมรู้สึกสนุกและมีความสุขทุกครั้งที่ได้เล่นกับลูกนก และมีการชักชวนเพื่อน ๆ และคุณครูแวะมาอุดหนุนนกกรงหัวจุกที่ฟาร์มของคุณพ่อด้วย เป็นการสร้างรายได้ให้กับคุณพ่ออีกทางหนึ่ง จนกลายเป็นความรัก ความผูกพัน ทำให้มีสมาธิและใจเย็นขึ้น  ส่วนตัวชอบนกเผือกสีขาวนวล เพราะสวยดี แต่ในอนาคตยังบอกไม่ได้ว่าจะสานต่ออาชีพของคุณพ่อด้วยหรือไม่

ขณะที่คุณพ่อคือนายวิวัฒน์ ปราบเสร็จ อายุ 47 ปี ได้มีการใช้พื้นที่ว่างข้างบ้านเนื้อที่ประมาณครึ่งไร่ เปิดเป็นฟาร์มเพาะเลี้ยงนกปรอทหัวโขนหรือนกกรงหัวจุก นกประจำถิ่นใต้ชื่อดังขายเป็นรายแรกในอำเภอหาดสำราญ ซึ่งมีการขออนุญาตกับสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 5 จ.นครศรีธรรมราช อย่างถูกต้องมานานกว่า 15 ปีแล้ว เริ่มจากการมีใจรักในเสียงร้องและความสวยงามของนกกรงหัวจุกมาตั้งแต่เด็ก เมื่อเข้าสู่วัยทำงานจึงสะสมนกกรงหัวจุกมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งมีความรู้ความชำนาญในการเลี้ยงดู จึงยึดเป็นอาชีพและขอขึ้นทะเบียนกับกรมป่าไม้ในปี 2553 แต่ได้ทำการเพาะขยายพันธุ์อย่างจริงจังในปี 2557 ด้วยการผสมข้ามสายพันธุ์ เพื่อให้มีสีสันและลักษณะที่โดดเด่น มีเสียงร้องที่ไพเราะน่าฟังมากขึ้น โดยมีทั้งสีเหลืองหน้านวล สีหน้านวลคอแดง ปรอทก้นแดง ก้นเหลือง นกเผือก และสีอื่นๆ เกือบ 100 ตัว  ขายราคาเริ่มต้นที่ตัวละ 2,500-7,500 บาทแล้วแต่สายพันธุ์ สร้างรายได้กว่า 20,000 บาทต่อเดือน และมีลูกนกอายุ 45-60 วันพร้อมขายตลอดทั้งปี ไปจนถึงต้นเดือนมกราคมปีหน้า โดยส่วนหนึ่งได้ปล่อยคืนสู่ธรรมชาติ เพื่อเพิ่มประชากรนกไม่ให้สูญพันธุ์ ส่วนลูกค้ามาจากทั่วทุกภาคของประเทศ ที่ชื่นชอบความสวยงามและเสียงร้องของนกกรงหัวจุก ซึ่งมีทั้งซื้อไปเลี้ยงเพราะความชอบส่วนตัว เพื่อความสบายตาสบายใจ หรือซื้อไปเพื่อเพาะขยายพันธุ์ต่อเป็นอาชีพเสริม และนำไปแข่งขันประชันเสียงชิงเงินรางวัล ที่มีตั้งแต่หลักพันถึงหลักแสนบาทต่อนัด และยังต่อยอดเพาะเลี้ยงนกแก้วสวยงามขายในราคาหลักร้อย พร้อมมีกรงนกขนาดใหญ่เพื่อจำลองสภาพผืนป่าให้นกได้บินอย่างอิสระหลังฟักไข่จนได้ลูกนกแล้ว ทำให้นกไม่เครียด และมีอายุที่ยืนยาวขึ้น ซึ่งในแต่ละเดือนจะเพาะลูกนกกรงหัวจุกได้ไม่ต่ำกว่า 30 ตัว

ขณะที่นายวิวัฒน์ ปราบเสร็จ เกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงนกปรอทหัวโขนรายแรกในอำเภอหาดสำราญ จ.ตรัง กล่าวว่า เลี้ยงด้วยใจรักโดยเริ่มแรกไปหาซื้อนกมาจาก จ.นครศรีธรรมราช มาคู่แรกประมาณ 20 ปีที่แล้ว แล้วจึงมาเริ่มพัฒนาข้ามสายพันธุ์ในปีแรก และต่อยอดมาเรื่อย ๆ จนได้เพิ่มเติมมา 5-6 สายพันธุ์ ราคาขายลูกนกอายุ 1-2 เดือน ตัวละ 2,500-7,500 บาท ลูกค้าซื้อไปพัฒนาต่อ พาไปแข่งบ้าง พาไปแขวนไว้ฟังเสียงบ้าง อนาคตถ้าพัฒนาต่อไปเรื่อย ๆ อาจจะไม่หวือหวาเหมือน 2-3 ปีที่ผ่านมาแต่ยังไปได้ แต่ละเดือนขายนกได้ประมาณ 4-5 ตัว ลูกค้าจากทั่วประเทศ หลัก ๆ คือรอบ ๆ นอกของ จ.ตรัง ส่วนใครสนใจติดต่อไดทางเฟสบุ๊ก/ติ๊กต๊อก ชื่อ”วัฒน์ ลูกผสม” และที่หมายเลขโทรศัพท์ 096-0840323.

ทรงวุฒิ นาคพล / จ.ตรัง