ป.ป.ช.ตรัง เสริมทัพสร้างแนวร่วมเสริมเขี้ยวเล็บฝ่ายปกครองสู้ทุจริตในพื้นที่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อวันที่ 23  มิ.ย. 2568 ที่ผ่านมา ที่บริเวณห้องนครา บอลรูม 1 โรงแรมเรือรัษฎา อ.เมืองตรัง สำนักงาน ป.ป.ช.ตรัง โดยมี นายบัณฑิต คณะสุวรรณ์ ผอ.ป.ป.ช.ตรัง เป็นประธานเปิดกิจกรรมประชุมเชิงปฏิบัติการเรื่อง การตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐของฝ่ายปกครอง มีคณะกรรมการชมรมตรังต้านโกง ผู้ใหญ่บ้าน กำนันและฝ่ายปกครอง รวม 100 คน เข้าร่วมโครงการ โดยมี ผศ.ดร.วิวัฒน์ ฤทธิมา จากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตตรัง และ นายชัยวุฒิ สวัสดิรักษ์ ประธานชมรมตรังต้านโกงมาเป็นวิทยากรเสริมทัพ
นายบัณฑิต คณะสุวรรณ์ ผอ.ป.ป.ช.ตรัง กล่าวว่า การทำงานระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจกับ ป.ป.ช.นั้น มีความแตกต่างกัน ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นระบบกล่าวหา แต่ทาง ป.ป.ช.เป็นระบบไต่ส่วน ดังนั้นการทำงานของ ป.ป.ช. อาจจะดูไม่ทันใจดูล่าช้า ส่วนเหตุที่มีการกระทำผิดมองว่า ฝ่ายปกครองท้องถิ่นอาศัยความไม่เข้าใจในการกระทำความผิด แต่บางคนเข้าใจแต่เจตนากระทำผิด การตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 การปกครองฉบับประชาธิปไตยในรัฐสภา ระบบคานอำนาจ 3 ฝ่าย ฝ่ายนิติบัญญัติ ฝ่ายบริหาร ฝ่ายตุลาการ ซึ่งมองว่าผู้ที่ทำหน้าที่ตรวจสอบทำผิดเสียเอง ซึ่งองค์กรอิสระทำงานยากมาก เพราะองค์กรปกครองเกรงกลัวต่ออิทธิพล ทำให้การใช้อำนาจรัฐบูดเบี้ยว ทั้งนี้ การเข้ามาบริหารของนักการเมือง การทุจริตที่น่ากลัวที่สุดคือการซื้อตำแหน่งเข้าสู่ระบบการเมือง ซึ่งเมื่อเข้าไปแล้วมีการถอนทุนคืน เป็นหน่วยงานที่แสวงหาผลประโยชน์มากที่สุด ซึ่งคำว่าความเป็นกลางทางการเมืองนั้นไม่มีจริง แต่จะต้องเป็นกลางให้มากที่สุด ซึ่งการอบรมจะช่วยนำข้อมูลไปใช้ในองค์กรในพื้นที่ให้มากที่สุด การจัดกิจกรรมบ่อย ๆ จะช่วยซึมซับความรู้ความเข้าใจและเพิ่มการปฏิบัติได้มากขึ้น ซึ่งการขับเคลื่อนไม่สามารถขับเคลื่อนได้เพียงองกรณ์เดียว แต่ต้องร่วมมือกันหลาย ๆ องค์กร หลาย ๆ หน่วยงาน การเปิดประชุมเชิงปฏิบัติการเรื่อง การตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐของฝ่ายปกครอง นั้น เพื่อเป็นการให้ความรู้ความเข้าใจกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ เช่น ฝ่ายปกครอง ผู้นำชุม ต่อการทำงาน การพัฒนาชุมชนให้มีศักยภาพมีความถูกต้อง โปร่งใส และไม่ผิดกฎหมาย รวมถึงการเฝ้าระวังการกระทำผิดของเจ้าหน้าที่ภาครัฐ หรือที่มาในรูปแบบของนักการเมืองที่อาจมีการกระทำที่สุมเสี่ยงต่อการทุจริต พร้อมทั้งเปิดให้แสดงความคิดเห็น ความเข้าใจบทบาทในด้านต่าง ๆ ของผู้นำท้องถิ่น โดยการแบ่งกลุ่ม แสดงความคิดเห็นและสะท้อนปัญหาที่ต้องพบเจอในชุมชนในท้องถิ่น พบว่าปัญหาที่พบในพื้นที่คือ ปัญหาที่ดินทำกิน และ ยาเสพติดมาเป็นอันดับต้น ๆ และรองลงมาคือปัญหาลักเล็กขโมยน้อย ซึ่งสืบเนื่องมาจากยาเสพติด ในส่วนบทบาทของผู้นำชุมชน อำนาจหน้าที่ก็ไม่ได้ครอบคลุมไปทั้งหมด บางครั้งไม่สามารถตัดสินใจหรือดำเนินการได้ ผู้ใหญ่ต้องรับเรื่องและส่งผ่านไปยังกำนัน ต้องส่งเรื่องผ่านไปยัง อบต. หรือ อำเภอ จนถึงระดับจังหวัด เพื่อดำเนินการแก้ไข บางครั้งก็ต้องเจอปัญหากับผู้มีอำนาจผู้มีอิทธิพลจากหน่วยงานภาครัฐ และความเกรงใจ จนไม่สามารถเข้าไปตรวจสอบและดำเนินการแก้ไขปัญหานั้น ๆ ได้ ซึ่งข้อเสนอแนะ ผู้นำท้องถิ่น ผู้นำชุมชนขอมีส่วนเข้าไปรับรู้ข่าวสารข้อมูลทุกครั้ง เพื่อทำความเข้าใจกับลูกบ้าน คนในชุมชน สามารถตรวจสอบ และมีความตรงไปตรงมา ทำงานด้วยความเป็นกลาง เชิญชาวบ้านเข้ามามีส่วนร่วมเพื่อแก้ปัญหาให้ตรงจุด และไม่เรียกรับผลประโยชน์

ทางด้าน นางโสภารัตน์ คงจันทร์ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านตำบลนาข้าวเสีย อ.นาโยง จ.ตรัง ผู้เข้าร่วมโครงการ กล่าวว่า ในฐานะที่ตนเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐและวันนี้ได้เข้าร่วมประชุมกับ ป.ป.ช. และวันนี้ตนเองได้นำความรู้ในหลาย ๆ เรื่อ และ หลาย ๆ ด้าน ตนเองคิดว่าสามารถที่จะนำความรู้ที่ได้รับในวันนี้ นำไปเผยแพร่ในหมู่บ้านและปรับปรุงแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นภายในหมู่บ้าน และสามารถที่จะนำไปเสนอแนะและชี้แนะเพื่อนร่วมงานได้  ทางด้าน นายชัยวุฒิ สวัสดิรักษ์ ประธานชมรมตรังต้านโกง กล่าวว่า ป.ป.ช.จังหวัดตรัง ได้จัดอบรมและให้ความรู้เกี่ยวกับการต่อต้านทุจริตกับบรรดาหน่วยงานปกครองที่เป็นบุคคลในพื้นที่แต่ละอำเภอของจังหวัดตรัง ทางชมรมตรังต้านโกงซึ่งมีส่วนร่วมในกิจกรรมได้มองภาพว่า การที่ให้หน่วยงานด้านการแกครอง อาทิเช่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และผู้เกี่ยวข้องกับท้องที่ต่าง ๆ เช่น สารวัตรกำนัน แพทย์ประจำตำบล หรือผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านเข้ามามีส่วนร่วมน่าจะเป็นการเปิดมิติใหม่ที่ดีของงาน ป.ป.ช. ในเรื่องของงานป้องกันการทุจริตที่จะให้พี่น้องประชาชนซึ่งเป็นหน่วยงานดูแลในพื้นที่ในแต่ละตำบล แต่ละหมู่บ้านต่าง ๆ ได้มีส่วนร่วม ในการเฝ้าระวัง ในเรื่องของการใช้งบประมาณในภาครัฐที่จะลงไปพัฒนาท้องถิ่น หรือลงไปพัฒนาท้องถิ่น หรือไปทำกิจกรรมต่าง ๆ

เงินงบประมาณทั้งหลายเหล่านี้ก็เป็นเงินที่ได้มาจากภาษีอากรของพี่น้องประชาชน ซึ่งจะต้องมีการใช้ประโยชน์ทีเรียกว่าประชาชนได้ได้รับผลอย่างเต็มที่และมีความคุ้มค่า กิจกรรมครั้งนี้ของ ป.ป.ช. ถือว่าเป็นการดึงพี่น้องประชาชนให้มาเข้าใจในเรื่องของการทำงานของ ป.ป.ช. ตลอดจนการที่จะเป็นหูเป็นตาหรือมีส่วนร่วมกับทางสำนักงาน ป.ป.ช.ในการเฝ้าระวังการทุจริตและเป็นการป้อมปรามการทุจริตที่อาจจะเกิดขึ้นในพื้นที่ต่าง ๆ รอบนอกที่ทางหน่วยงานของรัฐ ซึ่งทั้ง ป.ป.ช.ก็ดี ส.ต.ง.ก็ดี ป.ป.ท.ก็ดีที่อาจจะเข้าไม่ถึง หรือแม้แต่ทางชมรมตรังต้านโกงเราซึ่งมีเจ้าหน้าที่ที่เป็นกรรมการชมรมอาจจะมีการเฝ้าระวังในพื้นที่ ต่าง ๆ ที่ไม่ กว้างขวางเพียงพอ การที่ได้แนวร่วมของภาคประชาชนที่ทำงานแต่ละหน้าที่ในด้านการปกครองเหล่านี้มาเป็นส่วนร่วมเพิ่มขึ้นก็เป็นช่องทางหนึ่งที่คอยเฝ้าระวัง ซึ่งเป็นสิ่งที่ดี ที่อยากให้ ป.ป.ช.ในแต่ละพื้นที่ในแต่ละจังหวัดได้มีการจัดกิจกรรมให้มากขึ้น และดึงแนวร่วมเหล่านี้เข้ามาที่จะแจ้งเบาะแส แจ้งข้อมูล หรือเฝ้าระวังในเรื่องของการทุจริตได้มากขึ้น เพื่อช่วยกันที่จะทำให้พื้นที่จังหวัดตรังหรือประเทศมีความโปร่งใส ใสสะอาดมากขึ้น ลดละการทุจริต หรือเฝ้าระวังการทุจริตไม่ให้เกิดขึ้นในพื้นที่ของประเทศเพื่อความเจริญทางด้านเศรษฐกิจ ความมั่นคงของประเทศดียิ่งขึ้น

ธัญยวดี รัตตมณี / จ.ตรัง