วันที่ 2 ตุลาคม 2566 เวลา13.00 น. นายมนตรา ระมาตร์ ปลัดอำเภอพนมสารคาม ลงพื้นที่หมู่ 4 และหมู่ 5 ตำบลหนองแหน อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา กรณีชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนน้ำท่วมไร่นาเสียหายเป็นจำนวนมากหาทางสูบน้ำออกไม่ได้ โดยมี นายอรรถพลนพเกตุ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลหนองแหน ผู้ใหญ่นิรุจน์ นิยมสุข ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 4 ตำบลหนองแหน ผู้ใหญ่จรัญ นพสรรพ ผู้ใหญ่หมู่ 5 ตำบลหนองแหน ส.อบต.อโณทัย นิยมสุข ส.อบต.หมู่ 4 หนองแหน นายช่างอบต.หนองแหน พร้อมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ชาวบ้านหมู่ 4- 5 ตำบลหนองแหนที่ได้รับความเดือดร้อนจำนวนหนึ่ง จากการพูดคุยในเรื่องความเดือดร้อนดังกล่าว แบ่งออกเป็น 2 ประเด็น ดังนี้ ให้ชาวบ้านไปพูดคุยกันเองว่าจะสามารถนำน้ำผ่านที่ดินของชาวบ้านด้วยกันเองได้หรือไม่เพื่อหาทางสูบน้ำออกไม่ให้น้ำท่วมนาข้าว แต่ชาวบ้านยืนยันชัดเจนว่าไม่สามารถพูดคุยกันได้เนื่องจากมีเหตุผลของแต่ละคนเพราะบางพื้นที่ของชาวบ้านก็ไม่อยากเอาน้ำของคนอื่นเข้ามาผ่านไล่นาตัวเองเพราะจะเกิดความเสียหายเลยจึงไม่สามารถพูดคุยกันได้
ส่วนอีกทางหนึ่งชาวบ้านได้นำเสนอข้อมูลไปยังอบต.หนองแหน โดยมีที่สาธารณะประโยชน์ขึ้นกับที่ดินอำเภอพนมสารคาม เพื่อจะขุดเป็นร่องน้ำสามารถนำน้ำออกจากไร่นาได้ที่ได้รับความเดือดร้อนได้เกือบทั้งหมด จึงได้นำเอกสารและข้อมูลไปส่งให้กับนายช่างอบต.หนองแหน เพื่อให้อบต.หนองแหนทำหนังสือแจ้งไปยังที่ดินอำเภอพนมสารคามเพื่อขอใช้พื้นดินที่ดังกล่าวมาเป็นทางระบายน้ำให้กับชาวบ้าน แต่ทางอบต.หนองแหนยังไม่ได้ทำหนังสือแจ้งไปยังที่ดินอำเภอพนมสารคามเลย จึงทำให้ติดปัญหาหลายประการด้วยกัน โดยล่าสุดส.อบต.อโณทัย นิยมสุข อบต.หมู่ 4 ตำบลหนองแหนได้เดินทางไปยังที่ดินอำเภอพนมสารคามเพื่อขอให้ส่งรังวัดมาวัดแนวเขตเพื่อจะได้ทำการขุดหลอดระบายน้ำ แต่ทางที่ดินอำเภอพนมสารคามแจ้งว่าต้องให้ทางอบต.หนองแหนทำหนังสือประสานมาก่อน และต้องรอคิวในการรังวัดที่ดินดังกล่าวจึงทำให้ไม่สามารถจะทำการขุดหลอดระบายน้ำได้ทั้งที่ สจ.ธรรมชาติ พรมพิทักษ์ อดีตประธานสภาฯอบจ.ฉะเชิงเทราจะนำแม็คโครส่วนตัวและออกค่าน้ำมันขุดหลอดระบายน้ำให้กับชาวบ้านเองเพื่อให้ทันต่อเหตุการณ์จะได้ไม่เสียหายไปมากกว่านี้ในนาข้าวที่จมน้ำอยู่
ส่วนนายมนตรา ระมาตร์ ปลัดอำเภอพนมสารคาม ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า ตนได้สั่งการให้ทางนายช่างอบตหนองแหนรีบกลับไปทำหนังสือประสานกับทางที่ดินพนมสารคามอย่างเร่งด่วนและภายในวันพรุ่งนี้หนังสือต้องถึงอำเภอเพื่อนายอำเภอจะได้สั่งการต่อและจะได้รายงานให้กับจังหวัดทราบ ถึงการดำเนินการในปัญหาดังกล่าวที่เกิดขึ้นกับพี่น้องประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนต่อไป
อาษา/ปรีญาภรณ์/ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดฉะเชิงเทรา
