อธิบดีเกศทิพย์ ชี้จุดเน้นปี 2569 สานงานเดิม เติมงานใหม่ เสริมพลังเครือข่าย “สกร. ต้องเป็นที่พึ่งทุกครัวเรือน”

วันที่ 31 ตุลาคม 2568 นางเกศทิพย์ ศุภวานิช อธิบดีกรมส่งเสริมการเรียนรู้ เป็นประธานการประชุมชี้แจงจุดเน้นการดำเนินงานประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ณ โรงแรมเทวราช จังหวัดน่าน พร้อมร่วมประชุมผ่านระบบออนไลน์ โดยมีนางยุพิน บัวคอม และนายเอกราช ชวีวัฒน์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเรียนรู้ รวมถึงผู้บริหารจากสำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้ประจำจังหวัดทั่วประเทศเข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง

นางวิไลวรรณ บุดาสา รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน ให้การต้อนรับและแสดงความยินดีที่จังหวัดน่านได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพการประชุมสำคัญในครั้งนี้

ช่วงเช้า รองอธิบดี ทั้งสองได้ชี้แจง นโยบายเร่งด่วน (Quick Win) ตามแนวคิด “เร่งสร้างองค์ความรู้สู่ประชาชนทุกช่วงวัย” โดย นางยุพิน บัวคอม มุ่งขับเคลื่อน 2 Quick Win ได้แก่ 1. การเพิ่มงบประมาณเงินอุดหนุนรายหัว เพื่อขยายโอกาสทางการศึกษาแก่ผู้พิการ ผู้ด้อยโอกาส และกลุ่มชาติพันธุ์ 2. การสอบเทียบวัดระดับความรู้แบบ Fast Track ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ตั้งเป้ากลุ่มเป้าหมาย 10,000 คน ในขณะที่นายเอกราช ชวีวัฒน์ เน้น 3 Quick Win สำคัญ ได้แก่ การจัดสรรงบประมาณรายหัวให้รวดเร็ว การส่งเสริมความรู้ด้านประชาธิปไตย และการแก้ไขปัญหาเด็กและเยาวชนนอกระบบผ่านโครงการ DOLE Zero Dropout (DOLE ZD)

นอกจากนี้อธิบดีเกศทิพย์ ได้กล่าวชื่นชมความทุ่มเทของบุคลากรในทุกระดับที่ทำงานใกล้ชิดประชาชนจนเกิดผลสัมฤทธิ์เป็นที่ประจักษ์ พร้อมเน้นให้ทุกคน “ทำงานด้วยคุณค่าของผลงาน เพื่อให้สังคมเห็นว่า สกร. คือองค์กรแห่งความจริงใจและพึ่งพาได้”

พร้อมย้ำเป้าหมายสำคัญให้ “กรมส่งเสริมการเรียนรู้ ต้องเป็นที่พึ่งของประชาชนทุกครัวเรือน” โดยยึดหลักการทำงานด้วยความเป็นธรรม การครองตนและครองใจผู้ใต้บังคับบัญชา

ในการชี้แจงแนวทางการดำเนินงานปี 2569 อธิบดี สกร. ได้เน้นการดำเนินงานตาม พระราชบัญญัติส่งเสริมการเรียนรู้ พ.ศ. 2566 มาตรา 5 มุ่งพัฒนาคนให้สมบูรณ์ทั้งกาย ใจ อารมณ์ สังคม และสติปัญญา พร้อมพัฒนา ทักษะชีวิต ทักษะอาชีพ และทักษะการเรียนรู้ตลอดชีวิต ให้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงของโลก

นำนโยบายของ ศาสตราจารย์ ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ มาปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม โดยมุ่งพัฒนา “Flexible Education” หรือการศึกษาแบบยืดหยุ่น ให้สอดคล้องกับบริบทของแต่ละพื้นที่ เน้นการเปิดโอกาสให้ประชาชนทุกกลุ่มสามารถเข้าถึงการเรียนรู้ได้ตามศักยภาพของตนเอง ด้วยรูปแบบที่ทันสมัย หลากหลาย และตอบโจทย์การเรียนรู้ตลอดชีวิตอย่างแท้จริง

อธิบดียังได้กำหนด 5 ทิศทางหลัก เพื่อเสริมความแข็งแกร่งขององค์กร ได้แก่ 1. การสร้างและขยายเครือข่ายความร่วมมือ 2. การพัฒนาระบบ ICT และฐานข้อมูล 3. การพัฒนาระบบธนาคารหน่วยกิต (Credit Bank) 4. การส่งเสริมการเรียนรู้เพื่อสร้างรายได้ (Learn to Earn) 5. การปรับโครงสร้างและบริหารอัตรากำลังบุคลากรให้มีประสิทธิภาพ

พร้อมขับเคลื่อนการทำงานเชิงบูรณาการภายใต้แนวคิด “สานงานเดิม เติมงานใหม่ ด้วยเทคโนโลยีและภาคีเครือข่าย”

ในส่วนการบริหารบุคลากร อธิบดีได้กำชับให้เร่งดำเนินการ ดังนี้ 1. ปรับเงินเดือนชดเชยข้าราชการครูและพลเรือนที่ได้รับผลกระทบจากการบรรจุใหม่ 2. ตั้งคณะกรรมการอ่านผลงานเพื่อเลื่อนระดับชำนาญการ 3. เร่งเลื่อนค่าตอบแทนพนักงานราชการ และเปิดโอกาสโยกย้ายตำแหน่งอย่างเหมาะสม 4. ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต ครู ศศช. ในพื้นที่ทุรกันดาร

ก่อนปิดการประชุม ได้จัดบรรยายพิเศษเรื่อง “การป้องกันอาชญากรรมทางเทคโนโลยี” โดย พ.ต.ท.ธนธัส กังรวมบุตร รองผู้กำกับการกลุ่มงานสนับสนุนทางไซเบอร์ กองบังคับการตรวจสอบและวิเคราะห์อาชญากรรมทางเทคโนโลยี

ช่วงท้าย อธิบดีได้มอบเกียรติบัตรแก่สำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้ประจำจังหวัด 29 แห่ง ที่มีผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติ (N-NET) ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2568 สูงกว่าค่าเฉลี่ยระดับประเทศ 44.36 คะแนน

กีรติ ก้อนทองคำ ผู้สื่อข่าว TOPNEWS