มท.ย้ำ “ตระหนักแต่ไม่ตระหนก” ภูเก็ตร่วมรับฟังประชุมเตรียมพร้อมรับมือแผ่นดินไหวและภัยสึนามิผ่านระบบออนไลน์

วันที่ 7  ก.ค. 2568 จังหวัดภูเก็ตร่วมรับฟังการประชุมเพื่อซักซ้อมความเข้าใจการเฝ้าระวังและแจ้งเตือนแผ่นดินไหวและภัยสึนามิ เพื่อสร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชน ผ่านระบบสื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดยมี นายกองเอกอดุลย์ ชูทอง รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานการประชุมระดับจังหวัด ณ ห้องประชุม ปภ. 3 ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วย นายวิชิต สุทธโส หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดภูเก็ต และเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องเข้าร่วมรับฟังอย่างพร้อมเพรียง การประชุมจัดโดย กระทรวงมหาดไทย โดยมี นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุม ณ ห้องประชุม 1 ปภ. อาคาร 3 ชั้น 5 กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และผ่านระบบสื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานด้านวิชาการร่วมบรรยายให้ข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์และแนวทางรับมือแผ่นดินไหวและภัยสึนามิอย่างรอบด้าน ในส่วนของข้อมูลข้อเท็จจริงเกี่ยวกับแผ่นดินไหวและภัยสึนามิ นายนัฐวุฒิ แดนดี รองอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา และ นายบุรินทร์ เวชบันเทิง ผู้เชี่ยวชาญพิเศษด้านแผ่นดินไหวและสึนามิ กองเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา ได้รายงานสถานการณ์แผ่นดินไหวล่าสุดที่เกิดขึ้นบริเวณหมู่เกาะนิโคบาร์ สาธารณรัฐอินเดีย และประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมีความรุนแรงประมาณ 5 ริกเตอร์ และอยู่ห่างจากประเทศไทย จึงไม่มีแนวโน้มที่จะส่งผลกระทบหรือก่อให้เกิดคลื่นสึนามิ ทั้งยังชี้แจงว่า การเกิดคลื่นสึนามิจะต้องเป็นแผ่นดินไหวที่มีขนาด 7.5 ริกเตอร์ขึ้นไป และต้องเกิดจากการยุบตัวของเปลือกโลกในแนวดิ่ง

ขณะเดียวกัน นายสุเมธ สายทอง รองอธิบดีกรมทรัพยากรธรณี ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับลักษณะทางธรณีวิทยาในประเทศไทย โดยเฉพาะแนวรอยเลื่อนบริเวณฝั่งอันดามันและอ่าวไทย ซึ่งแม้จะมีการเคลื่อนตัวอยู่เป็นระยะ แต่ยังไม่มีสัญญาณที่ชี้ว่ามีความเสี่ยงสูงในระยะนี้ เนื่องจากเป็นแนวรอยเลื่อนแนวขนาน ที่มีความรุนแรงต่ำกว่าระดับที่อาจก่อให้เกิดภัยสึนามิ ด้านการเตรียมความพร้อมรับมือ นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้ชี้แจงแนวทางการดำเนินงานของกรมในการเฝ้าระวังและเตรียมการรับมือภัยแผ่นดินไหวและสึนามิ โดยเน้นความสำคัญของระบบแจ้งเตือนภัยล่วงหน้าในพื้นที่เสี่ยง การฝึกซ้อมแผนเผชิญเหตุ และการบูรณาการความร่วมมือกับทุกภาคส่วน

พร้อมกันนี้ รศ.ดร.เสรี ศุภราทิตย์ ผู้เชี่ยวชาญพิเศษด้านการเตือนภัย (ด้านปฏิบัติการเตือนภัย) จากศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ ได้เสนอแนวทางเสริมสร้างความเข้มแข็งของระบบเตือนภัยในระดับพื้นที่ ทั้งในเชิงโครงสร้างพื้นฐาน และการพัฒนาศักยภาพของบุคลากรและเครือข่ายภาคประชาชน เพื่อให้สามารถตอบสนองต่อสถานการณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพและทันท่วงที ในช่วงท้ายของการประชุม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้เน้นย้ำว่า “ภัยพิบัติไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น แต่สิ่งสำคัญคือการเตรียมความพร้อมอย่างรอบด้าน เพื่อให้เกิดความสูญเสียน้อยที่สุด” พร้อมขอให้ประชาชนติดตามข่าวสารจากแหล่งที่เชื่อถือได้ และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชาสัมพันธ์ข้อมูลอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในพื้นที่เสี่ยงตลอดแนวชายฝั่งอันดามัน โดยให้ยึดหลัก “ตระหนักแต่ไม่ตระหนก” การประชุมในครั้งนี้นับเป็นกลไกสำคัญในการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างหน่วยงานกลางและจังหวัด เพื่อเสริมสร้างความเข้าใจและความพร้อมของทุกภาคส่วนในการเผชิญเหตุและลดผลกระทบจากภัยธรรมชาติอย่างยั่งยืน

จิระชัย เกษมพิมลพร / จ.ภูเก็ต