เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2568 ณ สนามกีฬาโรงเรียนบ้านหนองกี่ประชาสามัคคี ได้มีพิธีเปิดโครงการ การแข่งขันกีฬาเทศบาลสัมพันธ์ ประจำปีงบประมาณ 2568 อย่างยิ่งใหญ่และอบอุ่น
พิธีเปิดได้รับเกียรติจาก สจ. พุทธชาติ ศรีสุริยันโยธิน สมาชิกสภาจังหวัดบุรีรัมย์ ตัวแทน ส.ส. พรชัย ศรีสุริยันโยธิน ส.ส. เขต 7 จังหวัดบุรีรัมย์ เป็นประธานในพิธีเปิดการแข่งขัน พร้อมด้วยแขกผู้มีเกียรติและประชาชนในพื้นที่เข้าร่วมเป็นจำนวนมาก
ผู้ร่วมงานคนสำคัญ ได้แก่
-
เสี่ยต๋อง หนองกี่ – นายปายฟ้า มีบุญมาก ประธานสโมสร BU หนองกี่ FC
-
บก.ชาต – นายอติชาต สุขยืน บรรณาธิการใหญ่เพจ “ฉลามนิวส์”
ทั้งสองท่านให้ความสำคัญกับการส่งเสริมกีฬาและการพัฒนาเยาวชนในท้องถิ่นมาโดยตลอด โดยเฉพาะ “เสี่ยต๋อง หนองกี่” ถือเป็นตัวอย่างของคนรุ่นใหม่ที่ทุ่มเทแรงกายแรงใจ สนับสนุนกิจกรรมด้านกีฬา เพื่อสร้างโอกาสและแรงบันดาลใจให้เยาวชนในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง



พิธีเปิดสุดยิ่งใหญ่ แสดงพลังสามัคคีของชุมชน
เวลา ๐๗.๐๐ น. มีการจัดขบวนพาเหรดบริเวณหน้าเทศบาลตำบลศาลเจ้าพ่อขุนศรี และเวลา ๐๘.๐๐ น. เคลื่อนขบวนเข้าสู่สนามกีฬาโรงเรียนบ้านหนองกี่ประชาสามัคคี
เวลา ๐๘.๓๐ น. สจ. พุทธชาติ ศรีสุริยันโยธิน เดินทางมาถึงบริเวณพิธี พิธีกรกล่าวเชิญประธานขึ้นแท่นรับความเคารพจากขบวนนักกีฬา ซึ่งตั้งแถวอย่างพร้อมเพรียง พร้อมเสียงบรรเลงจากวงดุริยางค์โรงเรียนในท่วงทำนองเพลงมหาฤกษ์ เพลงชาติไทย และเพลงกราวกีฬา
จากนั้น นายสังวาลย์ ฉิมจารย์ นายกเทศมนตรีตำบลศาลเจ้าพ่อขุนศรี กล่าวรายงานวัตถุประสงค์การจัดการแข่งขัน ก่อนที่ สจ. พุทธชาติ ศรีสุริยันโยธิน จะกล่าวเปิดโครงการอย่างเป็นทางการ พร้อมลั่นฆ้องชัย ปล่อยผ้าแพร และจุดพลุเฉลิมฉลอง เพื่อเป็นสัญญาณเริ่มต้นการแข่งขัน





ช่วงสำคัญของพิธีเปิด คือ “การวิ่งคบเพลิงเข้าสู่สนาม” โดยพิธีกรได้อ่านประวัติผู้วิ่งคบเพลิง ก่อนนำไปจุด ณ กระถางคบเพลิงกลางสนาม สื่อถึงพลังแห่งความร่วมมือ ความมุ่งมั่น และน้ำใจนักกีฬา
นักกีฬาอาวุโสได้กล่าวนำคำปฏิญาณตนต่อหน้าธงประจำเทศบาลและธงชุมชน แสดงออกถึงความมีน้ำใจนักกีฬาและความสามัคคีของทุกชุมชน
หลังเสร็จพิธีเปิด มีการแข่งขันกีฬาพื้นบ้าน การแข่งขันคู่เปิดสนาม และการประกวดกองเชียร์ชุมชน ที่สร้างสีสันและรอยยิ้มให้กับผู้เข้าร่วมงาน
โครงการ กีฬาเทศบาลสัมพันธ์ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๙ ถือเป็นเวทีแห่งความสามัคคีของคนในท้องถิ่น ส่งเสริมสุขภาพ สร้างโอกาสให้เยาวชน และตอกย้ำพลังของการใช้กีฬาเป็นสื่อเชื่อมใจคนในชุมชน







