สัมปทานโรงโม่หินติดขัด 2 ปี 4 เดือน อบต.ไม่บรรจุวาระ ชาวบ้านค้านขอทำสวนสาธารณะ พนักงานวอนเห็นใจใกล้ตกงาน

สัมปทานโรงโม่หินสะดุด! เจอปัญหาคาราคาซัง 2 ปี 4 เดือน เหตุ อบต. ไม่บรรจุวาระพิจารณา ด้านพนักงานวอนเห็นใจใกล้ตกงาน ด้าน นายก.อบต. ชี้แจง นำเข้าสภาไม่ได้เพราะ ชาวบ้านยืนกรานไม่เอาโรงโม่จะขอเอาพื้นที่ทำสวนสาธารณะ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โรงโม่หินศิลาสมบูรณ์ทรัพย์ ในพื้นที่ตำบลพังตรุ อำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี ต้องหยุดดำเนินกิจการมานานกว่า 2 ปี 4 เดือน หลังใบประทานบัตรหมดอายุเมื่อเดือนมิถุนายน 2566 ส่งผลให้พนักงานจำนวนมากต่างพากันออกมาถือป้ายเขียนข้อความขอความเห็นใจจากหน่วยงานที่รับผิดชอบ จากเดิมมีพนักงานมากกว่า 100 คน ตอนนี้ทยอยลาออกเหลือเพียง 60 กว่าคน ได้รับความเดือดร้อน เนื่องจากรายได้เริ่มน้อยไม่มีงานเหมือนเมื่อก่อน

นางสาวจินตนา ดาบธรรม เจ้าของโรงโม่หินศิลาสมบูรณ์ทรัพย์ เปิดเผยถึงสถานการณ์ของโรงโม่ฯ ที่ต้องหยุดดำเนินกิจการตั้งแต่วันที่ประทานบัตรของกรมป่าไม้หมดอายุเมื่อเดือนมิถุนายน 2566 โดยระบุว่า บริษัทฯ ได้ยื่นเรื่องขอต่อใบอนุญาตล่วงหน้าถึง 2 ปีแล้ว แต่เนื่องจากอยู่ในช่วงของการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) จึงไม่ได้ติดตามเรื่องอย่างต่อเนื่อง หลังจากมีการเลือกตั้ง อบต. เสร็จสิ้น ทางเราก็ได้เริ่มติดตามเรื่อง แต่ผ่านมา 2 ปี 4 เดือนแล้ว เรื่องก็ยังไม่คืบหน้า

นางสาวจินตนา กล่าว พร้อมระบุว่า บริษัทฯ พร้อมที่จะรับฟังและแก้ไขตามข้อกำหนดหรือเรื่องร้องเรียนที่เจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบอยู่เสมอ และได้ทำเรื่องขอให้มีการนำเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของสภา อบต. หลายครั้งแล้ว แต่ไม่ทราบเหตุผลว่าทำไมจึงไม่มีการบรรจุวาระเข้าสู่สภา ทางบริษัทจะน้อมรับทุกอย่างในสิ่งที่ทางสภามีมติมา ทางเราเป็นผู้ประกอบการก็อยากจะขอความเห็นใจ ซึ่งตอนนี้พนักงานได้ทยอยลาออกไปเป็นจำนวนมากแล้ว คนที่เหลืออยู่ก็มีอายุมากแล้ว จะให้ไปทำงานที่อื่นก็ไม่รู้จะทำอะไร ทำไร่ทำนาก็คงจะไม่ไหว ทางบริษัทก็พยายามเยียวยากันเต็มที่ และยินดีที่จะให้ความร่วมมือกับชุมชนและทางจังหวัดในทุกๆ ด้าน และที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีปัญหาอะไรกับทางชุมชน

ด้าน พนักงานโรงโม่หินรายหนึ่ง เปิดเผยถึงความเดือดร้อนว่า ขณะนี้รายได้ลดลงอย่างมาก ไม่มีค่าล่วงเวลา (OT) จากที่เคยได้รายได้ 17,000-18,000 บาท ตอนนี้เหลือเพียงหลักพันบาท ปัญหาหลักคือไม่สามารถเดินเครื่องจักรได้เพราะไม่มีหิน และไม่สามารถต่อสัมปทานได้ ตอนนี้ครอบครัวที่ดูแลอยู่ก็ได้รับผลกระทบ ภรรยาป่วยเป็นทั้งโรคความดัน โรคเบาหวาน และโรคไต รายจ่ายก็เพิ่มมากขึ้น ส่วนรายได้ก็หายไปมากกว่าครึ่งไหนจะเรื่องผ่อนรถและรายจ่ายอื่นๆ อีกมากมาย

เมื่อวันที่ 7  พ.ย. 68 เวลา 10.00 น. ทีมข่าวได้เดินทางไปที่ อบต. พังตรุ และพบชาวบ้านเกือบ 200 คน ถือป้ายคัดค้านการต่อสัมปทานโรงโม่หิน โดยเรียกร้องให้ทาง อบต. นำพื้นที่ดังกล่าวไปทำเป็น สวนสาธารณะ

นางนิตยา จันทร์เพ็ญ นายก อบต.พังตรุ กล่าวว่า ประเด็นสำคัญของเรื่องนี้คือ “ชาวบ้านยินยอมหรือไม่ เนื่องจากมีการทำ MOU และมีผู้ลงนามรับทราบข้อตกลงแล้ว แต่ถ้ามีประชาชนที่ยินยอม เราก็ยอมผ่านให้ แล้วก็นำเรื่องเข้าสภา แต่การเข้าสภาตอนนี้ เราเห็นว่าทางโรงโม่หมดสัมปทานแล้ว ซึ่งที่ตรงนี้มันเป็นที่ที่เรากันออกจากสัมปทาน ซึ่งชาวบ้านก็มาขอว่าให้ทำพื้นที่ตรงนี้เป็นสวนสาธารณะ เราก็ได้นำเรื่องเข้าสภาแล้วก็ผ่านสภาไปแล้ว ให้เป็นสวนสาธารณะ ซึ่งผ่านสภาไปแล้วเราจะมาแก้มติของสภาก็คงจะไม่ได้

ชาวบ้านรายหนึ่งเล่าว่า “ผมเป็นคนรุ่นเก่าอยู่ในพื้นที่มานานอยากจะฝากไว้ว่าสัมปทานของเขา 30 ปี หมดแล้วก็ขอให้เลิกเอาไว้ให้ลูกให้หลาน สงสารลิงบ้าง ขอบคุณครับ”

นายนพพล สุกิจปาณีนิจ นายอำเภอท่าม่วง เปิดเผยข้อเท็จจริงเกี่ยวกับปัญหาโรงโม่หินในพื้นที่ตำบลพังตรุว่า พื้นที่สัมปทานดังกล่าวได้รับอนุญาตเมื่อปี 2545 โดยในครั้งนั้นมีการทำบันทึกข้อตกลง (MOU) ระหว่างบริษัทฯ กรมป่าไม้ อำเภอ อบต. และชุมชน ว่าพื้นที่ทำเหมืองทั้งหมด 299 ไร่เศษ จะมีการกันไว้เป็นป่าชุมชนราว 99 ไร่ ส่วนที่เหลือเป็นพื้นที่ทำเหมือง หลังจากประทานบัตรหมดอายุราวปี 2565 ทางบริษัทฯ ได้ยื่นเรื่องต่อใบอนุญาต ซึ่งตามระเบียบจะต้องมีการสอบถามความเห็นของสภา อบต. แต่มติของ อบต. คือ พื้นที่ที่บริษัทขอทำเหมืองนั้น ไม่เป็นไปตาม MOU เนื่องจากบริษัทฯ มีการขอขยายพื้นที่เหมืองเพิ่มอีก 30 ไร่ จึงได้แจ้งให้บริษัทกลับไปทบทวนข้อเสนอ

นายอำเภอฯ กล่าวต่อว่า หลังจากตนเองย้ายมาดำรงตำแหน่งในปี 2567 ก็มีการตรวจสอบเรื่องนี้อีกครั้ง และพบว่ายังคงเป็นปัญหาเดิมเรื่องการทำตามข้อตกลง MOU จึงได้ให้บริษัทไปทบทวนใหม่ ต่อมาในช่วงเดือนสิงหาคม 2567 นายก อบต. ได้เสนอต่อที่ประชุมสภาขอทำพื้นที่เขาคันหอกเป็นสวนสาธารณะ เนื่องจากสัมปทานหมดแล้ว และต้องยื่นคำขอไปที่กรมป่าไม้ซึ่งมีอำนาจดูแลพื้นที่ป่า ในช่วงปลายปี 2567 บริษัทฯ ได้ทำหนังสือขอให้สภา อบต. นำเรื่องต่อสัมปทานเข้าที่ประชุมอีกครั้ง แต่นายก อบต. ได้ส่งเรื่องให้ประธานสภาฯ เพื่อนำญัตติดังกล่าวเข้าสู่ที่ประชุม ซึ่ง ประธานสภาฯ ได้ใช้ดุลพินิจให้ชะลอเรื่องไว้ เนื่องจากเป็นพื้นที่แปลงเดียวกับที่ทาง อบต. ขอทำสวนสาธารณะไปแล้ว และยังไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจนจากกรมป่าไม้ ล่าสุด เมื่อต้นเดือนสิงหาคม 2568 ประธานสภาฯ ได้แจ้งต่อที่ประชุมว่า ยังไม่ได้รับการตอบกลับจากกรมป่าไม้ จึงยังไม่สามารถนำเรื่องของโรงโม่เข้าพิจารณาได้

นายอำเภอฯ ระบุว่า บริษัทฯ ได้ทำหนังสือขอให้นำเข้าพิจารณาอีกครั้ง แต่ประธานสภาฯ ได้ชี้แจงว่าอยู่ในช่วง 90 วันก่อนการเลือกตั้ง และมีมติก่อนหน้าให้รอความชัดเจนจากกรมป่าไม้ก่อน ซึ่งการพิจารณาเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเอกชนในช่วง 90 วัน อาจเข้าข่ายฝ่าฝืนกฎหมายได้ จึงแจ้งให้ทางอำเภอทราบว่า ขอให้เป็นอำนาจการพิจารณาของสภาชุดใหม่หลังการเลือกตั้ง อำนาจการพิจารณา การบรรจุวาระต่างๆ เป็นกิจการของสภา เป็นอำนาจของประธานสภาร่วมกับสมาชิก ซึ่งจริงๆ แล้ว กระทรวงมหาดไทยก็มีระเบียบการเสนอญัตติ ซึ่งทางประธานสภาเองก็ได้มีการชี้แจงเป็นเอกสารกลับมาทุกครั้ง ฉะนั้นมันเป็นความเห็นของสภา นายอำเภอฯ ในฐานะผู้กำกับดูแล ทำได้เพียงดูว่าการปฏิบัติเช่นการเสนอญัตติชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ซึ่งตอนนี้เหลืออีกประมาณ 20 วันก็จะหมดวาระของสภาชุดนี้แล้ว

ทีมข่าวได้เดินทางไปสัมภาษณ์ พระอธิการสำเนา ประสาโท เจ้าอาวาสวัดเขาคันหอก ซึ่งเป็นวัดที่อยู่ติดกับโรงโม่หิน เล่าว่า ในอดีตเคยเป็นผู้ต่อต้านการทำเหมืองมาโดยตลอด เพราะต้องการอนุรักษ์ธรรมชาติเนื่องจากมีลิงอาศัยอยู่มาก แต่เมื่อเวลาผ่านไป ชาวบ้านส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับการต่อต้าน ตนจึงต้องปล่อยไป แต่พอเห็นว่าเหมืองทำประโยชน์ให้กับชุมชน ให้คนมีงานทำ เศรษฐกิจในชุมชนหมุนเวียน ในส่วนผลกระทบจากโรงโม่ทางวัดก็ไม่ได้รับผลกระทบอะไร วัดอยู่ได้ทางโรงโม่ก็อยู่ได้ ซึ่งไม่ได้สร้างความเดือดร้อนซึ่งกันและกัน พึ่งพาอาศัยกัน

กีรติ ก้อนทองคำ จ.กาญจนบุรี