ตำรวจทางหลวงจับขบวนการขนแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองผิดกฎหมาย

ขบวนการขนแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองผิดกฎหมาย ใช้ผ้าใบปกคลุมอย่างมิดชิดคล้ายรถส่งของ ตบตาตำรวจ ด้านในอัดแน่นไปด้วยแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายสัญชาติเมียนมา30 คน แต่ไม่รอดพ้นสายตาตำรวจ

สืบเนื่องจาก กก.1 บก.ทล.ได้มีการกวดขันจับกุมแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายและผู้นำพาในเส้นทางพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา อยู่บ่อยครั้ง พ.ต.อ.ธัช โพธิ์สุวรรณ ผกก.1 บก.ทล.,พ.ต.อ.สำราญ กลั่นมา ผกก.ตม.พระนครศรีอยุธยา,พ.ต.อ.ธวัชชัย นรินรัตน์ ผกก.๑ บก.สส.สตม.จึงได้สั่งการให้มีการสืบสวนถึงเส้นทางที่มีการลักลอบขนคนต่างด้าวผิดกฎหมายเข้ามาในพื้นที่ชั้นใน โดยให้ ส.ทล.1 กก.1 บก.ทล.(อยุธยา) บูรณาการร่วมกันกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ปทส., เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง ส.ทล.3 กก.๑ บก.ทล.(ลพบุรี) ,เจ้าหน้าที่ตำรวจ ตม.จว.พระนครศรีอยุธยา,เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.๑ บก.สส.สตม.สืบสวนในพื้นที่และจากการสืบทราบว่าจะมีการขนแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายจากพื้นที่ จ.ตาก มุ่งหน้าเข้ากรุงเทพมหานคร เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงเฝ้าระวัง

จนกระทั่งวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 เวลาประมาณ 22.00 น.เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง ส.ทล.1 กก.๑ บก.ทล.(อยุธยา) นำโดย พ.ต.ท.ศุภกร ตังคะประเสริฐ สวญ.ส.ทล.1กก.1บก.ทล.,ว่าที่ พ.ต.ท.อัครวุฒิ จันทร์เจริญ สว.ส.ทล.1กก.1บก.ทล.,ร.ต.อ.เชาวลิต สีดำ,ร.ต.อ.คมสันติ์ วรทรัพย์  รอง สว.ส.ทล.1 กก.1 บก.ทล.,ร.ต.อ.ประธาน จตุพันธ์,.ร.ต.อ.ธีระยุทธ วันโสภา รอง สว.(ป.)ส.ทล.1 กก.1 บก.ทล., ด.ต.วิชัย ตามสมัย ,ด.ต.บรรจบ พูนเทพ ผบ.หมู่ ส.ทล.1 กก.1 บก.ทล. พบรถยนต์กระบะต้องสงสัย ยี่ห้อ ISUZU D-MAX สีขาว ติดแผ่นป้ายทะเบียนหมายเลข บธ-1232 ตาก ด้านหน้าและด้านหลังมีการขับขี่ที่เปลี่ยนช่องทางกะทันหันและใช้ความเร็วสูง โดยลักษณะรถมีการปกคลุมด้วยผ้าใบอย่างมิดชิดลักษณะคล้ายบรรทุกสิ่งของที่มีน้ำหนักมากกว่ารถยนต์ปกติ มีเหตุอันควรต้องสงสัย โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ส่งสัญญาณไฟเรียกให้รถยนต์คันดังกล่าวให้หยุด จนกระทั่งมาถึง บริเวณ กม.46-47 ถนนสายเอเชีย(ขาเข้า)ทล.32 ตำบลท่าตอ อำเภอมหาราช จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แสดงตนขอทำการตรวจสอบ

เบื้องต้นพบนายเกรียงศักดิ์ อาภัย อายุ 46 ปี สัญชาติไทย อยู่บ้านเลขที่ 20 หมู่ที่ 2 ต.พะวอ อ.แม่สอด จ.ตาก แสดงตนเป็นคนขับ และมีนายบุญช่วย อินทร์เถื่อน อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่  36/9 หมู่ที่ 5 ต.หนองบัวใต้ อ.เมืองตาก จ.ตาก นั่งคู่มากับผู้ขับขี่ด้านหน้า   เจ้าหน้าที่จึงสอบถามนายเกรียงศักดิ์ ฯ ผู้ขับขี่ว่าบรรทุกสินค้าชนิดใดมา นายเกรียงศักดิ์ฯ และนายบุญช่วยฯ แจ้งกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าบรรทุกแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองมาจำนวน 30 คน บริเวณด้านท้ายรถคันดังกล่าว

จากนั้นจึงได้ทำการตรวจสอบบริเวณด้านท้ายรถ  เบื้องต้นพบบุคคลที่นั่งโดยสารคล้ายชาวต่างชาติจำนวน 30 คนเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมขอตรวจสอบหนังสือเดินทางหรือเอกสารอื่นใดที่ใช้แทนหนังสือเดินทาง เบื้องต้นเป็นคนต่างด้าวสัญชาติเมียนมาไม่มีหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางแต่อย่างใดแสดง  จากการตรวจสอบบริเวณท้ายรถยนต์พบว่ามีการดัดแปลงสภาพรถโดยจัดทำที่นั่งผู้โดยสารเป็นสองชั้นโดยชั้นบนเป็นชั้นวางกระเป๋าสัมภาระส่วนด้านล่างเป็นช่องไว้สำหรับให้แรงงานต่างด้าวนั่งอยู่โดยมีการนำวัสดุทางการเกษตรจัดใส่ในกระสอบปุ๋ยแล้วทำการจัดเรียงด้านข้างเพื่อตบตาเจ้าหน้าที่ให้ดูเหมือนการบรรทุกสินค้าการเกษตรทั่วไปโดยภายห้องโดยสารดังกล่าวจัดให้มีช่องระบายอากาศเพื่อให้คนต่างด้าวมีอากาศหายใจแล้วจึงใช้ผ้าใบปิดปกคลุมอำพรางอีกชั้นหนึ่ง ซึ่งเมื่อมองด้วยตาเปล่ามองคล้ายกับรถยนต์ที่บรรทุกสินค้าการเกษตร

จากการสอบถามนายเกรียงศักดิ์ฯ  ให้การรับสารภาพว่า เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 เวลาประมาณ 10.00 น.ข้าฯได้รับการประสานงานจากชายไทยชื่อนายสมบัติ(ไม่ทราบนามสกุลจริง)ซึ่งเป็นคนรู้จักกับตน  โทรมาหาแจ้งกับข้าฯว่าจะมี หญิงไทยใช้นามว่าเจ๊(ไม่ทราบชื่อ-นามสกุลจริง) ให้ไปรับแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย บริเวณซอยข้างปั้มน้ำมันแห่งหนึ่ง อ.เมืองตาก จ.ตาก โดยตนนั้นได้ไปพบกับนายบุญช่วย อินทร์เถื่อน เป็นครั้งแรกและได้ร่วมกันทำงาน โดยตนทำหน้าที่เป็นผู้ขับรถ  นายบุญช่วย อินทร์เถื่อน เป็นผู้นั่งโดยสารด้านซ้ายมือของตน ส่วนค่าจ้างตนนั้นได้วิ่งขนคนแรงงานต่างด้าว ครั้งนี้ชดใช้หนี้ให้กับนายสมบัติ(ไม่ทราบนามสกุลจริง) จำนวนเงิน 5,000 บาท และตนรู้ดีอยู่แล้วว่าแรงงานต่างด้าวไม่มีหนังสือเดินทางหรือเอกสารแทนหนังสือเดินทางใดๆและยินยอมที่จะมีส่วนร่วมในการนำพามาส่งที่ปลายทางจนกระทั่งมาถูกตำรวจทางหลวงเรียกตรวจสอบ

จากการสอบถามนายบุญช่วย อินทร์เถื่อน ผู้ที่นั่งโดยสารมาด้านหน้าคู่คนขับ ให้การยอมรับว่า เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 เวลาประมาณ 14.00 น.ข้าฯได้รับการประสานงานจากชายไทยชื่อเต้(ไม่ทราบชื่อ-นามสกุลจริง) ซึ่งเป็นเพื่อนกับตน เดินทางมาหาตนที่บ้านบอกว่า มีคนว่าจ้างให้ไปนั่งรถจาก จ.ตาก ไป จ.พระนครศรีอยุธยา โดยระหว่างทางให้ตนทำหน้าที่คอยรับโทรศัพท์ และโทรแจ้งคนจ้างว่าเดินทางถึงสถานจุดใด ณ ตอนนั้น ข้าฯจึงได้ตอบตกลง ต่อมาเวลาประมาณ 15.00 น.ตนได้ให้ภรรยาขับรถจักรยานยนต์ไปส่ง ข้าฯที่บริเวณซอยข้างปั้มน้ำมันแห่งหนึ่ง อ.เมืองตาก จ.ตาก เมื่อไปถึงตนได้เจอผู้ว่าจ้างและนาย เกรียงศักดิ์ อาภัย ยืนรออยู่ที่รถ โดยที่ตนทราบดีอยู่แล้วว่ามีคนต่างด้าวซุกซ่อนอยู่ภายในกระบะรถของกลาง แต่ไม่ทราบจำนวนว่ามีกี่คน จากนั้นผู้ว่าจ้างได้นำเงินสดจำนวน 1,500 บาท เป็นค่าจ้างในการขนคนแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายจริง และตนรู้ดีอยู่แล้วว่าแรงงานต่างด้าวไม่มีหนังสือเดินทางหรือเอกสารแทนหนังสือเดินทางใดๆและยินยอมที่จะมีส่วนร่วมในการนำพามาส่งที่ปลายทาง จนกระทั่งมาถูกตำรวจทางหลวงเรียกตรวจสอบ

จากการสอบถามต่างด้าวที่โดยสารมา ให้การยอมรับว่าผ่านล่ามแปลภาษาเมียนมา ได้ลักลอบนั่งเรือจากฝั่งเมียนมา อ.แม่สอด จ.ตาก เพื่อจะเข้ามาหางานทำงานในประเทศไทย โดยเสียค่าใช้จ่ายให้กับนายหน้าจำนวนเงิน 12,000 -60,000 บาท เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อกล่าวหานายเกรียงศักดิ์ฯและนายบุญช่วย  ฐาน “ร่วมกันรู้ว่าคนต่างด้าวคนใดเข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนกฎหมาย ให้เข้าพักอาศัย ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใด ๆ เพื่อให้คนต่างด้าวนั้นพ้นจากการจับกุม”   ส่วนผู้โดยสารซึ่งเป็นบุคคลต่างด้าว ฐาน “เป็นคนต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต”และควบคุมตัวพร้อมของกลางและนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.มหาราช ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

เกียรติยศ ศรีสกุล ผอ.ข่าวเด่นทั่วไทยTOPNEWS ภาคกลาง